ต่างชาติเที่ยวไทยเพิ่ม กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต หรือบอกใบ้ หุ้นไทยจะได้ไปต่อ?
FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยเมื่อเดือน มี.ค. กระทบตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ไทยยังทรงตัวอยู่ได้ แถมมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติหลั่งไหลเข้าตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง บทความนี้ชวนวิเคราะห์ปัจจัย อะไรคือตัวช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยได้ไปต่อ?
นับตั้งแต่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกไปเมื่อ เดือน มี.ค. 2022 ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างก็ปรับฐาน โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่หากลองสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ตลาดหุ้นฝั่งเอเชียได้รับผลกระทบที่จำกัดกว่า โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่มีการปรับฐานลงมาจากจุดสูงสุดเมื่อช่วงกลางเดือน ก.พ. เพียง -5% เท่านั้น อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถทรงตัวอยู่ได้ และเหตุผลใดจะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยได้ไปต่อ?
ภาพแสดง SET Index ปรับตัวลง -3.26% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบค่อนข้างจำกัดหลัง Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ย
เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบน้อยจากการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติมีแนวโน้มไหลเข้าต่อเนื่อง
เมื่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มเปลี่ยนทิศ เม็ดเงินลงทุนก็พร้อมที่จะเคลื่อนย้ายไปยังกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่า ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยหากพิจารณาจากดัชนีประเมินความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (Vulnerability Index Score) จะเห็นได้ว่า ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของสหรัฐฯ หลักๆ มาจากทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูง และหนี้ที่กู้ยืมมาจากต่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2022
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนเมษายนปรับเพิ่มขึ้น +39% MoM สศค.คาดนักท่องเที่ยว ปี 2022 จะอยู่ที่ 7 ล้านคน ขยายตัว +1,536% YoY
หลังจากรัฐบาลไทยมีการผ่อนคลายเกณฑ์การรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยการยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนการเดินทางเป็นระยะเวลา 72 ชม. ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน เม.ย. 2022 ที่ 293,350 คน เติบโตก้าวกระโดด +39% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนุนจากนักท่องเที่ยวเอเชีย เช่น อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมถึง ยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง แม้ว่านักท่องเที่ยวชาวรัสเซียจะลดลงเนื่องจากภาวะสงคราม และการเข้าสู่ช่วง low season ที่นักท่องเที่ยวรัสเซียจะเข้ามาท่องเที่ยวในไทย
ล่าสุด ในช่วงต้นเดือน พ.ค. รัฐบาลก็ได้มีการผ่อนคลายเพิ่มเติม โดยการยกเลิก Test & Go ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากข้อมูลจะเห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาหลังการผ่อนคลาย (1-8 พ.ค.) เฉลี่ย ~20,000 คนต่อวัน ด้าน ESU (TISCO Economic Strategy Unit) คาดการณ์นักท่องเที่ยวหลังจากนี้จะเพิ่มเป็น 4-5 แสนคนต่อเดือน ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดการณ์นักท่องเที่ยว ปี 2022 ที่ 7 ล้านคน ขยายตัว +1,536% YoY ซึ่งมากกว่าที่ ESU และ ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ไว้ที่ 4.5 และ 5.6 ล้านคน ตามลำดับ
ทั้งนี้ ยังคาดว่าไทยจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้ราวๆ 4 แสนล้านบาท หรือนับเป็นการขยายตัวได้สูงถึง +1,217% YoY เรามองว่าภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างมากในปีนี้ จะเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัว และหนุนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองให้สามารถปรับตัวขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022
ภาพแสดงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทย
กำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1 เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และคาดกำไรในไตรมาส 2 จะเติบโตได้ดีต่อเนื่อง รวมถึงระดับ Valuation อยู่ในจุดที่น่าลงทุน
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยกว่า 87% ได้ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2022 ออกมาแล้ว อ้างอิงจาก BLS Research พบว่า กำไรสุทธิรวมไตรมาส 1 (บริษัทภายใต้ BLS Coverage) ขยายตัวได้ +13% YoY โดยมีกำไรจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด +39% YoY หนุนจากกลุ่มการแพทย์ที่สร้างรายได้สูงขึ้นจากบริการที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่มียอดขายสูงขึ้นและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง, กลุ่มธนาคารจากการเติบโตของสินเชื่อที่ดี และกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและค่าการกลั่นที่ขยายตัว
ทั้งนี้ หากมองไปที่ไตรมาส 2 ปี 2022 BLS คาดการณ์ว่า กำไรจากธุรกิจหลักจะยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ +35% YoY หนุนจากธุรกิจพลังงานจากแนวโน้มราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แต่ในทางกลับกันราคาน้ำมันที่สูงก็อาจกดดันหุ้นนอกกลุ่มพลังงาน ทำให้ BLS คาดการณ์ว่าการเติบโตของกำไรที่ไม่รวมธุรกิจพลังงานจะเติบโตได้ +10% YoY ซึ่งก็ยังถือว่าเป็นการเติบโตในระดับสูง โดยในครึ่งปีหลัง แนวโน้มกำไรจะยังคงเติบโตได้ดีหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว
ทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับข้อมูลจาก Bloomberg (ข้อมูล ณ วันที่ 19 พ.ค.) ที่คาดว่า EPS (กำไรต่อหุ้น) ของบริษัทใน SET Index จะเติบโตได้ 6.1% YoY และ 10.1% YoY ในปี 2022 และ 2023 ตามลำดับ และหากพิจารณาถึงค่า Forward P/E พบว่าปัจจุบันเทรดอยู่ราว 16.5 เท่า เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี บ่งชี้ได้ว่า ณ ปัจจุบัน หุ้นไทยไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต
ภาพแสดงแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เงินเฟ้อยังคงกดดันตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น แต่คาดกนง.คงดอกเบี้ยที่ระดับเดิมจนถึงสิ้นปี 2022
แม้ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในระดับสูง โดยล่าสุดเงินเฟ้อเดือน เม.ย.ขึ้นมาอยู่ที่ ระดับ 4.65% แต่หากพิจารณาถึงสาเหตุของการปรับขึ้นของเงินเฟ้อ ที่ในครั้งนี้เกิดจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการ Lockdown ในประเทศจีน ไม่ได้เกิดจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวเป็นหลัก บวกกับการที่นักวิเคราะห์คาดว่า เงินเฟ้อไทยน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและจะค่อยๆ ชะลอลงหลังจากนี้ จึงทำให้เราคาดว่ากนง.จะยังคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิมจนถึงสิ้นปี 2022 ซึ่งเป็นสภาวะแวดล้อมที่ดีต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี
ภาพแสดงอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทย และ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย
มาถึงตรงนี้น่าจะพอทราบกันแล้วว่า ทำไมเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติยังคงหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไม่มาก เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอื่นๆ และยังสามารถทรงตัวอยู่เหนือระดับ 1,600 จุดได้ โดยในช่วงที่เหลือของปี เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป หนุนจากกำไรของบริษัทจะทะเบียนที่ยังมีแนวโน้มเติบโตดี ราคาน้ำมันที่คาดว่าน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง และธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับอานิสงค์จากการผ่อนคลายจากทางภาครัฐ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้น่าจะพอไขข้อข้องใจ และ บอกใบ้ได้ในระดับหนึ่งว่า "หุ้นไทยจะได้ไปต่อหรือพอแค่นี้"
ที่มา: Bloomberg, BLS Research, SETsmart & NESDC
ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds
