ปมร้อนศก.-การเมือง ‘ฉุดความเชื่อมั่น’

ปมร้อนศก.-การเมือง ‘ฉุดความเชื่อมั่น’

รัฐบาลปัจจุบันกำลังเผชิญปัญหาด้านเสถียรภาพหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การเตรียมยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งจึงเป็นจุดสำคัญที่จะพลิกโฉมปมเศรษฐกิจได้

รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในห้วงเวลานี้ กำลังเผชิญวิกฤติรอบด้านทั้งเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม แม้สถานการณ์โรคระบาดจะคลี่คลายลงตามลำดับ จนอาจจะเริ่มมีมาตรการถอดหน้ากากในที่โล่งได้ หากในความเป็นจริง เราไม่มีทางรู้เลยว่า การกลายพันธุ์ของเชื้อโรคต่างๆ อาจกำลังก่อตัวขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว และกลับมาสร้างผลกระทบใหญ่ให้มนุษย์อีกเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นการระมัดระวังตัวเอง ไม่ชะล่าใจเกินไป ยังเป็นทางออกที่ดีในการป้องกันตัวเท่ากับมีความรับผิดชอบต่อผู้อื่นด้วย

สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ ยังดูไม่มีสัญญาณที่ดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูง ราคาพลังงานวิกฤติ ประเทศไทยเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง การจัดการปัญหาเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อให้เกิดความผันผวนของตลาดการเงินโลก แน่นอนว่ากระทบกับเราด้วยเช่นกัน ประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่บอบช้ำจากการปิดเมือง ชัตดาวน์ประเทศ ยังต้องใช้เวลาฟื้นฟู แม้แต่ประเทศไทยเอง เครื่องยนต์ขับเคลื่อนหลักอย่างการท่องเที่ยว การส่งออกที่ติดลบ มาวันนี้เริ่มสตาร์ทติด หากแต่เสียงเครื่องยนต์ยังดูไม่สม่ำเสมอ

แม้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.จะออกมาประเมินแล้วว่า แนวโน้มตลอดปี 2565 มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะไปถึงเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 7-10 ล้านคน ขณะที่ ตลาดนักท่องเที่ยวไทยตั้งเป้า 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวปีนี้ที่ 1.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัว 50% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 ททท.ตั้งเป้าหมายถึงขนาดว่าปีนี้ ภาคการท่องเที่ยวไทยจะเห็นการฟื้นตัว จากเห็นโรงแรมที่พักทั่วประเทศมีอัตราการเข้าพัก 50% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 28%

แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ในจังหวะที่รัฐบาลมีปัญหารายล้อม โดยเฉพาะเสถียรภาพทางการเมือง กำลังกลายเป็นปมปัญหาใหญ่แก้ไขได้ยาก หากรัฐไม่เร่งเคลียร์คัท หรือสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น จะยิ่งบั่นทอนแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่เราต้องเร่งออกตัวให้เร็ว และเตรียมพร้อมรับมือกับมรสุมลูกใหม่ที่กำลังจะก่อตัว ความท้าทายของโลกอนาคตที่มาเร็วขึ้น หากเราไม่พร้อม และยังมีปัญหามากมายคาราคาซัง ไทยจะกลายเป็นประเทศที่ไม่มีใครสนใจ และไม่ใช่เป้าหมายของนักลงทุน นั่นย่อมเป็นเรื่องที่เสียหายต่อประเทศอย่างมาก 

เราอาจต้องมองหาเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่เพิ่มเติม เพราะโลกในยุคที่ผันผวนเร็ว คาดการณ์ได้ยาก จะยังคงหมุนรอบตัวเราแบบนี้ต่อไป ไทยจึงต้องเตรียมยุทธศาสตร์ เพื่อเผชิญความผันผวนในระยะข้างหน้า และเมื่อโลกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โอกาสจะยิ่งเปิดกว้างอีกมาก ซึ่งมีไว้สำหรับคนที่พร้อมและแกร่งที่สุด เราอยากเห็นประเทศไทยแข็งแกร่งมากพอ ที่จะหยิบโอกาสเหล่านั้น อย่าให้ปมเศรษฐกิจ-การเมืองกลายเป็นปมใหญ่ บานปลาย ฉุดความเชื่อมั่นประเทศ