"อินโนบิก" จับมือ "แอซทีค" เข้าถือหุ้น "โลตัส ฟาร์มาซูติคอล-อดัลโว" รุกตลาดเกิดใหม่ มุ่งสู่อาเซียน

"อินโนบิก" จับมือ "แอซทีค" เข้าถือหุ้น "โลตัส ฟาร์มาซูติคอล-อดัลโว" รุกตลาดเกิดใหม่ มุ่งสู่อาเซียน

"อินโนบิก" จับมือ "แอซทีค" เข้าถือหุ้น "โลตัส ฟาร์มาซูติคอล-อดัลโว" มุ่งขยายธุรกิจในตลาดเกิดใหม่รับสังคมผู้สูงวัย เร่งพัฒนากลุ่มยาโรคมะเร็ง เบาหวานให้คนไทย รวมถึงภูมิภาคอาเซียน เข้าถึงยาในราคาที่เหมาะสม

บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด บริษัทย่อยที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 100% ร่วมกับ แอซทีค (Aztiq HK. Limited: AZTIQ) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนธุรกิจด้านสุขภาพจากประเทศไอซ์แลนด์ เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท อัลโวเจน อีเมอร์จิง มาร์เก็ต โฮลดิ้ง จำกัด (Alvogen Emerging Markets Holdings Limited: AEMH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลัก บริษัท โลตัส ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (Lotus Pharmaceutical) และถือหุ้น 100% ของบริษัท อดัลโว จำกัด (Adalvo Ltd.: Adalvo) บริษัทชั้นนำด้านการซื้อขายยาและสิทธิบัตรที่มีเครือข่ายทั่วโลก 

โดยการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ มีมูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 475 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ อินโนบิก ก้าวขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของโลตัสฯ ในสัดส่วน 37% และ อดัลโว 60% เสริมศักยภาพความพร้อมและความแข็งแกร่งให้กับโลตัส ฟาร์มาซูติคอล ในฐานะบริษัทยาชั้นนำระดับโลกทั้งด้านการค้าและเงินลงทุน และมุ่งเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงยาสามัญที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลให้กับประเทศ

\"อินโนบิก\" จับมือ \"แอซทีค\" เข้าถือหุ้น \"โลตัส ฟาร์มาซูติคอล-อดัลโว\" รุกตลาดเกิดใหม่ มุ่งสู่อาเซียน

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด กล่าวว่า แอซทีค อยู่ในกลุ่มผู้ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพมายาวนาน มีประสบการณ์ในการผลิตยา และช่วยผลักดันธุรกิจของโลตัส ฟาร์มาซูติคอล และอดัลโว ให้สามารถผลิตยาสามัญที่มีคุณภาพและราคาที่เข้าถึงได้ 
 

ทั้งนี้ ตลาดยาในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณปีละ 200,000 - 250,000 ล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 3 - 5% อย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนยาที่รักษาเกี่ยวกับโรคติดต่อจะขายดีกว่ายาที่ไม่ใช่โรคติดต่อ อย่างไรก็ตามโรคไม่ติดต่อในปัจจุบันมีการแพร่หลายมากขึ้น รวมทั้งประเทศไทยกำลังเผชิญกับการก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคไม่ติดต่อสูง และยามีราคาค่อนข้างแพง 

โดยประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ต้องนำเข้ายากว่า 80% ผลิตเองมีไม่ถึง 20% อนาคตบริษัทยาหรือโรงงานยาในประเทศไทยต้องปรับเข้าสู่มาตรฐาน GMP จึงต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น ดังนั้นการร่วมมือดังกล่าวจึงนำไปสู่การพัฒนาวิจัยยาที่ไม่ใช่โรคติดต่อ อาทิ ยาเกี่ยวกับโรคมะเร็ง และเบาหวาน ซึ่งจะเร่งพัฒนากลุ่มยาดังกล่าวให้คนไทย รวมถึงภูมิภาคอาเซียนได้บริโภคยาที่มีราคาที่เหมาะสม ผลักดันให้มีการเติบโตตามตลาดภูมิภาคและเติบโตตามภาวะที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย

โดยการที่อินโนบิกเป็นพาร์ทเนอร์กับแอซทีค จะทำให้สามารถเรียนรู้การผลิตยามาตรฐานระดับโลก เพราะยาที่โลตัส ฟาร์มาซูติคอล ผลิตไม่ได้ขายเฉพาะแค่ในเอเชีย แต่ผลิตยาขายในทวีปยุโรป และอเมริกา ซึ่งมีมาตรฐานและมีความเข้มข้นของมาตรฐานสูง

นอกจากนี้ โลตัส ฟาร์มาซูติคอล เป็นบริษัทที่เป็นฐานการผลิตยาที่สำคัญ ส่วนอดัลโว ถือเป็นบริษัทที่สำคัญในการที่จะเลือกทำในเรื่องการซื้อขายยาและสิทธิบัตรที่มีเครือข่ายทั่วโลก จะทำให้อินโนบิกที่เป็นบริษัทหน้าใหม่สามารถขยับขยาย เพิ่มขีดความสามารถของตัวเองมาเป็นบริษัทชั้นแนวหน้าภายในระยะเวลาอันสั้น เมื่อมีเครือข่ายและโครงข่ายที่ดี จะเกิดการผลักดันตลาดทั้งเอเชีย รวมถึงตลาดยุโรปและอเมริกาได้ในระดับต่อไป 

"การจับมือนี้ จะช่วยเพิ่มความชำนาญให้เราก้าวสู่อุตสาหกรรมดังกล่าวได้เร็วขึ้น ซึ่งยาไบโอซิมิลาร์ถือเป็นเรื่องใหม่ที่เป็นนวัตกรรม เราจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ประเทศไทยมีจำนวนบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก แต่การจะทำให้การวิจัยไปสู่ตลาดโลกจะต้องมีพี่เลี้ยงที่ดี ซึ่งพาร์ทเนอร์เรามีทั้งเครือข่ายทั้งการผลิต การวิจัย และการตลาด เราจะก้าวสู่อุตสาหกรรม Life Science แบบก้าวกระโดดและไปสู่ระดับโลก ตอบโจทย์ธุรกิจใหม่ Life Science เป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ของประเทศไทย" นายบุรณิน กล่าว

สิ่งที่ อินโนบิก จะลงเม็ดเงินลงทุนต่อไป อาทิ การวิจัยพัฒนาในเรื่องของจีโนมโมเลกุลระดับพันธุกรรม ที่จะเป็นยาในอนาคต หรือวิธีรักษาในอนาคต นอกจากนี้ อินโนบิกยังได้ดำเนินงานในเรื่องของวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ วัตถุทางการแพทย์ รวมถึงมิวเทชันมีขนาดตลาดที่ใหญ่ ซึ่งการทำงานจะแยกสัดส่วน 3 กลุ่มใหญ่ และธุรกิจยาที่ร่วมมือครั้งนี้จะทำให้อินโนบิกมีชื่ออยู่ในตลาดโลก

\"อินโนบิก\" จับมือ \"แอซทีค\" เข้าถือหุ้น \"โลตัส ฟาร์มาซูติคอล-อดัลโว\" รุกตลาดเกิดใหม่ มุ่งสู่อาเซียน

นายโรเบิร์ต เวสแมน ประธานบริษัท บริษัท โลตัส ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (Lotus Pharmaceutical Co., Ltd. : Lotus Pharmaceutical) และเป็นผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท แอซทีค (Aztiq) กล่าวว่า บริษัทโลตัสฯ มีโครงสร้างพื้นฐานอยู่ที่ประเทศไต้หวันซึ่งโฟกัสในด้านของสุขภาพเป็นหลัก โดยเฉพาะยาที่จะสามารถช่วยชีวิตคนได้ ซึ่งโครงสร้างของบริษัทมีความพร้อมบริหารงานเพื่อการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดย อดัลโว มีความเชี่ยวชาญในด้านของผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม ส่วน โลตัสฯ ได้สร้างมาตรฐานยามากมาย ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้รับการยอมรับทั้งในฝั่งของเอเชีย อเมริกา และยุโรป เป็นต้น 

สำหรับตลาดยาในเอเชียต้อง ยอมรับว่ามีความหลากหลายพอสมควร ซึ่งแตกต่างจากตลาดยุโรป และอเมริกาที่มีมาตรฐาน จากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (United States Food and Drug Administration: FDA) ที่มีการควบคุมมาตรฐาน ซึ่งภูมิภาคเอเชียทุกประเทศมีหน่วยกลางเป็นของตนเอง แต่ไม่มีหน่วยงานกลางในการรับรองมาตรฐาน จึงทำให้ยาแต่ละประเทศในเอเชียสามารถใช้ได้ภายในประเทศเท่านั้น

"เราเห็นโอกาสว่าจะสามารถเข้ามาผลิตยาที่มีคุณภาพและได้รับอนุมัติผ่านมาตรฐานของ FDA และยุโรป และเข้ามาในฝั่งเอเชียได้ในราคาที่ถูกลง ที่ทุกคนจ่ายไหว รวมทั้งประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการลงทุนในระยะยาว เพราะการร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยเสริมความเข้มแข็งในเรื่อง Life Science และยังมีเรื่องการพัฒนาไบโอซิมิลาร์ที่ถือเป็นเรื่องใหม่มากๆ ทั้งในตลาดโลกและตลาดไทย" นายโรเบิร์ต กล่าว

การพัฒนายาในครั้งนี้ จึงเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทยและเอเชียให้มีความเข้มแข็งมากขึ้นในอนาคต ทุกคนสามารถเข้าถึงยาในราคาที่จับต้องได้ โดยการร่วมมือกันในครั้งนี้ไม่ต้องมองเพียงตลาดเอเชีย แต่ยังมองไกลไปถึงตลาดยุโรป และอเมริกาอีกด้วย