“เดลฟี ดิจิตอล” ชี้ การล่มสลาย Terra คือความหายนะของอุตสาหกรรมคริปโท

“เดลฟี ดิจิตอล” บริษัทร่วมทุนและวิจัยด้านคริปโท ชี้ การล่มสลาย Terra คือความหายนะของอุตสาหกรรมคริปโท เผยบริษัทคำนวนความเสี่ยงผิดพลาด
การล่มสลายครั้งใหญ่ของระบบนิเวศ Terra ในวันที่ 12 พ.ค.2565 ทำให้มูลค่าของตลาดคริปโทเคอเรนซีหายไปเกือบ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุน UST และ LUNA ทั้งรายย่อยและบริษัทด้านการลงทุนขาดทุนอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว พยายามเรียกร้องความเสียหายหรือดำเนินคดีกับโดควอนผู้ก่อตั้ง Terra
เดลฟี ดิจิตอล บริษัทร่วมทุนและวิจัยด้านคริปโท ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดพลาดของ Terra ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่หายนะที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโท นับตั้งแต่เหตุการณ์แฮ็กครั้งใหญ่ Mt Gox กระดานเทรดคริปโทที่เคยใหญ่ที่สุดที่ได้ปิดตัวลง เนื่องจากถูกแฮ็กและสูญเสียเงินทุนไปกว่า 850,000 บิตคอยน์ในปี 2014 และย้ำว่าความเสี่ยงในคริปโทสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
เดลฟี กล่าวว่าบริษัทมีความกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างของ UST และ LUNA อยู่ตลอดแต่เชื่อว่า เงินทุนสำรองอันมหาศาลที่ถือโดย Luna Foundation Guard (LFG) จะสามารถป้องกันการล่มสลายในครั้งนี้ได้ แต่เดลฟีได้คำนวนความเสี่ยงที่อาจเกิดเกลียวมรณะ(death spiral) ผิดไป
ขณะที่บริษัทด้านการลงทุนคริปโตได้ให้รายละเอียดว่าการร่วงของ Terra ส่งผลกระทบต่อเดลฟีเช่นกัน จากกองทุนร่วมลงทุน Delphi Ventures Master Fund ได้ซื้อ LUNA ไว้จำนวนเล็กน้อย ประมาณ 0.5% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ในไตรมาสที่ 1 ปีของปี 2564
หลังจากนั้นไม่นาน เดลฟีได้เพิ่มการถือครอง LUNA และสินทรัพย์ในระบบนิเวศของ Terra ตัวอื่น ๆและการลงทุนเงินมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนของ LFG เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเดลฟีไม่ได้ขาย LUNA ในระหว่างวิกฤตการณ์ล่มสลายและขณะนี้บริษัทกำลังเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นกัน
สำหรับอนาคตหลังจากวางเดิมพันครั้งใหญ่กับ Terra และได้รับความล้มเหลว ถือเป็นบทเรียนที่ยนิ่งใหญ่ของเดลฟีและจะต้องตัดสินใจถึงเป้าหมายครั้งต่อไป จากทีมวิจัยและทดลอง เพื่อตัดสินใจในระยะยาวอย่างถูกต้อง
เดลฟีเผยว่ากำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อผลักดันให้เปลี่ยนสถานการณ์ที่เลวร้ายกลับมามีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อคริปโตและต่อโลก







