ปตท.ผนึกพันธมิตรบุก "อาเซียน" ลุยตลาดยารักษาโรคไม่ติดต่อ

ปตท.ผนึกพันธมิตรบุก "อาเซียน" ลุยตลาดยารักษาโรคไม่ติดต่อ

ปตท.ส่ง “อินโนบิก” ผนึกพันธมิตรระดับโลก รุกธุรกิจยา พร้อมลุยตลาดอาเซียนในราคาจับต้องได้ พร้อมชิงตลาดยาไทย 2 แสนล้านบาท เล็งพัฒนายาโรคไม่ติดต่อ “มะเร็ง-เบาหวาน-ระบบประสาท” รับสังคมผู้สูงวัย

บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทพลังงานของประเทศที่กำลังขยายตัวเข้าสู่ธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจ New S-Curve ด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) โดย ปตท.ดำเนินการผ่านบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด บริษัทย่อยที่ ปตท.ถือหุ้น 100% เพื่อทำธุรกิจยา เทคโนโลยีทางการแพทย์ และอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีเป้าหมายให้ผู้ป่วยเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาที่มีสิทธิบัตรและประสิทธิภาพระดับโลก โดยวางกลยุทธ์ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้เร็ว

นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ความต้องการในการเข้าถึงยาจึงสำคัญ ซึ่งต้องมีความแข็งแรงของอุตสาหกรรมยา แต่ความเข้มแข็งไม่จำเป็นต้องมีโรงงานยาในไทยอย่างเดียว แต่จะเกิดจากการเครือข่ายที่มียาทั่วโลก 

อีกทั้งการมองตลาดอาเซียนที่มีจำนวนประชากร 600 ล้านคน ถือเป็นโอกาสสำคัญ เพราะการก้าวสู่อุตสาหกรรม Life Science มีแนวโน้นเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ธุรกิจยากำลังเปลี่ยนรูปแบบไปสู่ยาที่มีนวัตกรรมมากขึ้น ดังนั้น การเข้าสู่ธุรกิจเพื่อสุขภาพของ ปตท.จะมีการเลือกพาร์ทเนอร์ที่มีพร้อมในเรื่องของนวัตกรรมและโปรดักส์ที่ถือว่ามีความสำคัญ นอกเหนือจากความเข้มแข็งทางด้านการเงิน

นอกจากนี้ ตลาดยาถือเป็นตลาดใหญ่และกว้าง โดยอินโนบิกเลือกพันธมิตรที่เป็นผู้นำยาในด้านนวัตกรรม โดยในระยะแรก คือนวัตกรรมที่คนสามารถเอื้อมถึงได้ อาทิ กลุ่มยาไบโอซิมิลาร์ 

ส่วนระยะยาวจะมีการลงทุนด้านวิจัยพัฒนา จึงต้องใช้เวลาการคิดค้นโมเลกุลใหม่รวมถึงการสร้างโรงงาน อาจต้องวางแผนระดับ 5-10 ปี แต่สิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นได้ในวันนี้ คือ สร้างอีโค่ซิสเต็ม สร้างให้เกิดการตื่นตัวว่าบริษัทโดยคนไทยสามารถลงทุนในธุรกิจนี้ได้ และสามารถสร้างได้รวดเร็วโดยความร่วมมือกับพันธมิตรทำให้มีโครงสร้างพื้นฐานสู่ผู้นำอุตสาหกรรม Life Science

“สิ่งที่เราจะใส่เม็ดเงินลงทุนต่อไป อาทิ การวิจัยพัฒนาในเรื่องของจีโนมโมเลกุลระดับพันธุกรรม ที่จะเป็นยาในอนาคต หรือวิธีรักษาในอนาคต ซึ่งอินโนบิกยังได้ทำในเรื่องของวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ วัตถุทางการแพทย์ รวมถึงมิวเทชันที่มีขนาดตลาดใหญ่ ซึ่งการทำงานจะแยกสัดส่วน 3 กลุ่มใหญ่ แต่ธุรกิจยาที่ร่วมมือนี้จะทำให้อินโนบิกมีชื่ออยู่ในตลาดโลก”

ชิงตลาดยาไทย2.5แสนล้าน

นายบูรนิน กล่าวว่า มูลค่าตลาดยาในประเทศไทยมีมูลค่าปีละ 200,000-250,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 3-5% ยาที่รักษาเกี่ยวกับโรคติดต่อจะขายดีกว่ายาที่ไม่ใช่โรคติดต่อ

ทั้งนี้ ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ต้องนำเขายากว่า 80% ผลิตเองมีไม่ถึง 20% โดยอนาคตบริษัทยาหรือโรงงานยาในประเทศไทยต้องปรับเข้าสู่มาตรฐาน GMP จึงต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น 

นอกจากนี้ ระบบสาธารณสุขไทยเป็นระบบสาธารณสุขที่ดี ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าประเทศไทยได้มีการเตรียมการในการบริหารจัดการกับโรคระบาดโควิด-19 ได้ดี มีหลักประกันสุขภาพ พร้อมกับกองทุนหลักประกันสุขภาพที่ดี โดยสิ่งที่ประเทศไทยต้องเผชิญในอนาคต คือ การก้าวสู่งสังคมผู้สูงวัย ซึ่งจะนำมาสู่โรคไม่ติดต่อ อาทิ โรคมะเร็ง เบาหวาน และโรคระบบประสาท ที่ต้องการยาที่มีคุณภาพ

รวมทั้งที่สำคัญจะต้องอยู่ในราคาที่ทั้งประชาชนและประเทศจับต้องได้ การร่วมมือจะเกิดการพัฒนายาที่ดีมีคุณภาพสูงขึ้นราคาที่ถูกลง ได้มาตรฐาน เป็น Good Move ทั้ง ปตท.และพาร์ทเนอร์ ที่จะเติบโตไปพร้อมกัน

ผนึกพันธมิตรโตก้าวกระโดด

สำหรับการขับเคลื่อนแผนธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาได้ผลักดันการตั้งโรงงานรักษาโรคมะเร็ง รวมทั้งได้ร่วมกับ แอซทีค (Aztiq HK. Limited : AZTIQ) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนธุรกิจด้านสุขภาพจากประเทศไอซ์แลนด์ ประกาศซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท อัลโวเจน อีเมอร์จิง มาร์เก็ต โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลักในบริษัท โลตัส ฟาร์มาซูติคอล จำกัด ผู้ผลิตยาสามัญชั้นนำจากไต้หวัน และถือหุ้น 100% ในบริษัท อดัลโว จำกัด บริษัทชั้นนำด้านการซื้อขายยาและสิทธิบัตรที่มีเครือข่ายทั่วโลก โดยประกาศเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2565

ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวจะทำให้ ปตท.ได้เรียนรู้การผลิตยาที่เป็นมาตรฐานระดับโลก เพราะยาที่โลตัสฯ ผลิตไม่ได้ขายเฉพาะแค่ในเอเชีย โดยผลิตขายในยุโรปและสหรัฐด้วย จึงมีมาตรฐานและความเข้มข้นสูง

หนุนศูนย์กลางธุรกิจสุขภาพ

รวมทั้งจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินธุรกิจครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การคัดเลือกโมเลกุลยา การพัฒนาผลิตภัณฑ์ยา ตลอดจนมีฐานการผลิตยาที่มีคุณภาพ และการจัดการทางด้านสิทธิบัตรผ่านเครือข่ายธุรกิจยาทั่วโลก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมสนับสนุนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนและความร่วมมืออุตสาหกรรมด้านสุขภาพในอนาคต

สำหรับการดำเนินการดังกล่าวเป็นก้าวสำคัญสอดคล้องวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond ของกลุ่ม ปตท.ที่มุ่งขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต รวมทั้งผลักดันให้ประเทศเป็นศูนย์กลางทางด้านนวัตกรรมเพื่อสุขภาพของอาเซียน พร้อมเพิ่มโอกาสการลงทุนด้านเทคโนโลยีผลิตยาขั้นสูงจากต่างประเทศในไทย ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาทำให้อินโนบิกก้าวกระโดดเป็นผู้ดำเนินธุรกิจยาครบวงจรได้เร็วขึ้น

รุกตลาดยาโรคไม่ติดต่อ

นอกจากนี้ ยารักษาเกี่ยวกับโรคติดต่อจะขายดีกว่ายาที่ไม่ใช่โรคติดต่อ ดังนั้น การร่วมมือดังกล่าวจะนำไปสู่การพัฒนาวิจัยยาเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อ เช่น มะเร็ง และเบาหวาน จึงจะเร่งพัฒนากลุ่มยาดังกล่าวจากเดิมที่เป็นยาออริจิเนเตอร์ให้เป็นยาที่คนไทย รวมถึงภูมิภาคอาเซียนได้บริโภคในราคาถูกลง สร้างการเติบโตตามตลาดภูมิภาคและเติบโตตามภาวะที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย

นอกจากนี้ โลตัสฯ ถือบริษัทที่มีฐานการผลิตยาที่สำคัญ ส่วนอดัลโว ถือเป็นบริษัทที่สำคัญในการที่จะเลือกทำในเรื่องการซื้อขายยาและสิทธิบัตรที่มีเครือข่ายทั่วโลก จะทำให้อินโนบิกที่เป็นบริษัทหน้าใหม่สามารถขยับขยาย เพิ่มขีดความสามารถก้าวเป็นบริษัทชั้นแนวหน้าภายในระยะเวลาอันสั้น เมื่อมีเครื่องข่ายและโครงข่ายที่ดี จะเกิดการผลักดันตลาดทั้งเอเชียและไปถึงตลาดในทวีปยุโรปและสหรัฐได้ในระยะต่อไป

ทั้งนี้ อนาคตตัวยาที่เป็นเคมีจะกลายเป็นยาชีวะวัตถุ ซึ่งยาชีวะวัตถุหลายส่วนที่อันยังอยู่ในช่วงของการพัฒนา ประสบการของแอซทีค มีสำนักงานที่ประเทศไอซ์แลนด์ จะหนุนให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ร่วมใช้วิจัยและพัฒนายาชีวะวัตถุไม่ได้เป็นยาสามัญที่ใช้โดยทั่วไป จึงต้องนำมาพัฒนาให้สอดคล้องกับพันธุกรรมและลักษณะของคนไทยและในทวีปต่างๆ ซึ่งอนาคตจะเห็นความร่วมมืออื่นๆ ตามมา เพื่อประโยชน์กับคนไทยและประเทศอื่นๆ ด้วย

หวังลุยตลาดยาอาเซียน

นายบุรณิน กล่าวว่า ความร่วมมือกับพันธมิตรดังกล่าวจะขยายกำลังการผลิตของอินโนบิกให้เพิ่มขึ้น รวมทั้งทำการตลาดทั้งในประเทศไทยและอาเซียน และมีการวิจัยพัฒนาร่วมกัน เช่น ชีวโมเลกุลยา

“แอซทีคและอินโนบิก ได้สนับสนุนให้โลตัสฯ สามารถดำเนินธุรกิจและขยายธุรกิจได้ทั้งในภูมิภาคเอเชีย ถือเป็นความตั้งใจสร้างการเติบโตในเอเชีย ส่วนระหว่างนั้น เราก็จะมีความร่วมมือระหว่างกันในการมองว่ายาของโลตัสฯ ที่ไต้หวัน เกาหลีใต้ หรือที่เรามีอยู่ที่อินเดียจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อนำมาใช้ในประเทศไทย และจะต้องมียาอะไรที่เป็นชนิดพิเศษ รวมถึงการทำตลาดในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต”

นอกจากนี้ การพัฒนายาไบโอซิมิลาร์ถือเป็นเรื่องใหม่ที่อินโนบิกจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีนี้ โดยประเทศไทยมีจำนวนบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก แต่การจะทำให้การวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์จะต้องมีพี่เลี้ยงที่ดี ซึ่งพันธมิตรของ ปตท.มีทั้งเครือข่ายทั้งการผลิต การวิจัย และการตลาด ที่จะช่วยผลักดันให้ก้าวสู่อุตสาหกรรม Life Science แบบก้าวกระโดดและไปสู่ระดับโลก