แสนสิริลุยบ้านลักชัวรีจับลูกค้ากำลังซื้อสูง

แสนสิริลุยบ้านลักชัวรีจับลูกค้ากำลังซื้อสูง

แสนสิริ โหมรุกตลาดบ้านลักชัวรีจับลูกค้ากำลังซื้อสูงเล็งผุด 5โครงการ ล่าสุดเปิดตัวโครงการ เดมี สาธุ 49 ชูจุดขาย9หมื่นต่อตร.ม.ถูกกว่าคอนโดซีบีดีราคาตร.ม 1.8-3แสนบาทจำนวน72 ยูนิต คาดสิ้นปียอดขายบ้านลักชัวรีโต 10-15%

นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยลักชัวรีแนวราบไทยยังคงส่งสัญญาณบวกต่อเนื่องประกอบกับซัพพลายในกลุ่มนี้ยังมีไม่มากนัก ขณะที่ดีมานด์เติบโตต่อเนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังสูง  โดยบ้านที่มีระดับราคาขายระหว่าง 10 – 20 ล้านบาท มีดีมานด์มากที่สุด รองลงมาคือ 21 – 30 ล้านบาท และ 31 – 40 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ แสนสิริมองเห็น"โอกาส"เติบโตของตลาดลักชัวรีแนวราบ


ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงไตรมาสแรกปีนี้แสนสิริมียอดขายแนวราบในกลุ่มลักชัวรี2,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 50% ของยอดขายแนวราบรวมที่ 4,400 ล้านบาท โดยปัจจุบันความต้องการอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังสูง บริษัทจึงได้เตรียมเปิดตัวโครงการในกลุ่มลักชัวรี่แนวราบอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดขาย และยอดโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าแนวราบกลุ่มลักชัวรี 10-15% จากปีก่อนที่มียอดขายสินค้าแนวราบในกลุ่มลักซ์ชัวรี่ 11,000 ล้านบาท และมียอดโอนกรรมสิทธิ์สินค้าแนวราบในกลุ่มลักชัวรี่ที่ 8,900 ล้านบาท  


 "ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการในกลุ่มดังกล่าวรวม 5 โครงการ มูลค่ารวม 7,000-8,000 ล้านบาทภายใต้แบรนด์ บูก้าน, เศรษฐสิริ,  บุราสิริ   บริษัทมั่นใจยอขายโครงการแนวราบในปี 2565 จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 24,000 ล้านบาท "

ล่าสุดบริษัทได้ต่อยอดความสำเร็จในตลาดลักชัวรี่ ด้วยการเปิดตัว “เดมี”ลักชัวรี เรสซิเดนซ์ มูลค่า 1,600 ล้านบาทจำนวน 72 ยูนิต ระดับราคา 18.9-35 ล้านบาท ภายใต้แนวคิดไพเวท คอมมูนิตี้ จำกัดไม่เกิน 100 หลังในแต่ละโครงการ เน้นความเป็นส่วนตัวสูง ดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันในแต่ละทำเลและไลฟ์สไตล์ลูกค้า ฟังก์ชันตอบโจทย์ Urban Lifestyle เจาะกลุ่ม Young Successor ที่เป็นแพทย์ ผู้ประกอบการ ระดับราคา 15–28 ล้านบาท บนไพร์มโลเคชั่นใจกลางเมืองที่สามารถเชื่อมต่อซีบีดีได้สะดวก  โดยจะเปิดชมโครงการครั้งแรก1 พ.ค.นี้ ซึ่งมีบ้านพร้อมอยู่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์แล้วจำนวน 16 ยูนิต ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายจะปิดการขายภายในปีนี้  

    นายอาณัติ   กล่าวว่า  ปัจจุบันการหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบทำได้ยาก เนื่องจากอยู่ในทำเลใกล้เมือง รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และยังเป็นทำเลที่ราคาที่ดินมีอัตราการเติบโตสูง จากราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ล่าสุด ราคาประเมินที่ดินสูงที่สุดในกรุงเทพฯ  คือ ถนนสีลม อยู่ที่ 700,000 – 1,000,000 บาท/ตารางวา อัตราเติบโตเฉลี่ย ในช่วง 4 ปี อยู่ที่ 22% และราคาประเมินที่ดินทำเลถนนสาทร อยู่ที่ 600,000 บาท/ตารางวา อัตราเติบโตเฉลี่ยในช่วง 4 ปี อยู่ที่ 26% ขณะที่ราคาที่ดินในทำเล สาธุฯ – พระราม 3 นั้น มีอัตราการเติบโตพุ่งสูงกว่าราคาที่ดินในโซนซีบีดี โดยอยู่ระหว่าง 37 – 57% ในช่วง 4 ปี และ ราคาที่ดินทำเลถนน สาธุประดิษฐ์ ล่าสุด อยู่ที่ 250,000 บาท ต่อตารางวา เพิ่มขึ้นถึง 57% ในรอบ 4 ปี และเพิ่มขึ้นถึง 284% ในเวลา 12 ปี 

" จากจุดเด่นดังกล่าวทำให้ผู้ซื้อโครงการเดมี ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า และตอบสนองความต้องการลูกค้ากลุ่ม Young Successor ที่มองหาที่อยู่อาศัยในเมืองเดินทางสะดวกไม่ไกลจากซีบีดี เพราะยังคุ้นชินกับการชีวิตในเมือง แต่ก็ไม่ได้อยากอยู่คอนโด มองหาที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่มากขึ้น  "

สำหรับโครงการดังกล่าว จะประกอบด้วย 2 แบบบ้าน คือ DEMI 6 กว้าง 6 เมตร 3 ชั้นครึ่ง 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 212-215 ตารางเมตร บนที่ดินเริ่มต้น 23 ตารางวา และ DEMI 8 กว้าง 8 เมตร 3 ชั้นครึ่ง พร้อม Panoramic Rooftop 3 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 300 ตารางเมตร บนที่ดินเริ่มต้น 31 ตารางวา ดีไซน์ภายใต้แนวคิด ชีวิตสมดุล ระหว่าง ชีวิตเมือง