จับตาราคาคาร์ซีท หลังพาณิชย์ ขึ้นบัญชี Watch List

จับตาราคาคาร์ซีท หลังพาณิชย์ ขึ้นบัญชี Watch List

คาร์ซีท ราคาพุ่ง หลังกฎหมายบังคับให้เด็กต้องนั่งคาร์ซีท ด้านพาณิชย์ขึ้นบัญชี คาร์ซีท เป็นสินค้าที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ ป้องฉวยโอกาสขึ้นราคา

คาร์ซีท หรือเบาะที่นั่งที่ทำหน้าที่เหมือนเข็มขัดนิรภัยโดยใช้ระบบผูกรัดให้ติดกับเบาะนั่งของเด็ก ป้องกันไม่ให้เด็กกระเด็นจากเบาะ ไม่ว่าจะจากการเบรกอย่างแรง หรือ รถชน นอกจากนี้ยังสามารถดูดซับแรงกระแทกจากการชนได้บางส่วนด้วย ซึ่งจะช่วยให้ลดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของผู้โดยสารที่เป็นเด็กได้ ซึ่ง องค์การอนามัยโลก (WHO)  ชี้ว่า   การใช้ “คาร์ซีท” ช่วยลดการเสียชีวิตของเด็กได้ถึง 70%  ปัจจุบันมี 96 ประเทศทั่วโลก มีกฎหมายบังคับใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กแล้ว

อย่างไรก็ตาม คาร์ซีท ในไทยกลายเป็นประเด็นร้อนแรงและถูกพูดถึงมากที่ในสุดในรอบสัปดาห์นี้ภายหลังที่ราชกิจจานุเบกษาประกาศ พระราชบัญญัติ จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 ที่มีสาระสำคัญให้ ผู้โดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือนั่งในที่พิเศษ สำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย และคนโดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง ไม่ว่าจะนั่งแถวตอนใด ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาทมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 2565 นี้เป็นต้นไป

โดยเฉพาะโลกออนไลน์ที่มีการแสดงความเห็นกันหลากหลายจนกลายเป็นดราม่าทั้งเห็นด้วยที่จะปกป้องเด็กให้ปลอดภัยยามนั่งในอยู่รถ ขณะที่ผู้ไม่เห็นด้วยมองว่า เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว  เนื่องจากราคาคาร์ซีทค่อนข้างสูง แต่ที่แน่ๆส่งให้ ธุรกิจ“คาร์ซีท”คึกคักขึ้นมาทันที  และดันราคา”คาร์ซีท” พุ่งขึ้นเป็นเท่าตัว  กลายเป็นโอกาสทองของธุรกิจดังกล่าวแบบข้ามวัน ซึ่งจากการสำรวจของพาณิชย์จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า ราคามีความแตกต่างกันมาก ตามคุณภาพรูปแบบต้นทุนนำเข้า เฉลี่ย 1,500-30,000 บาท แต่พอกฎหมายคาร์ซีทออกมาผู้ประกอบการบางรายก็ฉวยโอกาสปรับราคาคาร์ซีทให้สูงขึ้นไปอีก ตามความต้องการของดีมานด์

ร้อนถึงกระทรวงพาณิชย์ ที่ดูแลราคาสินค้า ต้องออกมาเบรกราคา พร้อมขู่ใช้พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542  มาตรา 29 หากพบว่า  มีการฉวยโอกาสขึ้นราคา ค้ากำไรเกินควร  โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับทั้งนี้ หากพบการฉวยโอกาสในลักษณะดังกล่าวประชาชนสามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ

ล่าสุดกรมการค้าภายใน  ได้ขึ้นบัญชีให้”คาร์ซีท”  เป็นหนึ่งในสินค้าที่ติดตามดูแล (Watch List) ประจำเดือนพ.ค.ทันที ซึ่งสินค้าที่ถูกขึ้นบัญชีทางกรมการค้าภายในจะมีการติดตามสถานการณ์ภาวะราคาและสถานการณ์สินค้า”คาร์ซีท”อย่างใกล้ชิ ด รวมทั้งตรวจสอบและกำกับมิให้ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภคพร้อมกันนี้ได้ให้ผู้เกี่ยวข้องแจ้งราคาจำหน่ายมาที่กรมแล้ว และเปิดสายด่วน 1569 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค

ขณะที่แนวทางการดูแลราคา”คาร์ซีท” นั้น“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ “ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์   กล่าวว่า  กรมการค้าภายใน ห้างสรรพสินค้าและผู้บริหารแพลตฟอร์มออนไลน์ มีข้อสรุปคือ ห้ามปรับขึ้นราคาโดยเด็ดขาด หากจะขอปรับราคาเพราะต้นทุนนำเข้าสูงขึ้นหรือเหตุอื่น ต้องขออนุญาตกรมการค้าภายในก่อน รวมถึงขอความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าที่มีศักยภาพ เช่น แม็คโคร โลตัส บิ๊กซี ให้ช่วยนำเข้าคาร์ซีทราคาประหยัดมาจำหน่ายในประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคปฏิบัติตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตามประชาชนยังมีเวลาอีกประมาณ 4 เดือน ถึงจะมีผลทางกฎหมายการบังคับใช้ ดังนั้น ประชาชนยังมีเวลาเตรียมตัว และกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นปลายทางของสถานการณ์ด้านราคาก็จะประสานงานเรื่องสินค้าได้มาตรฐานราคาย่อมเยานำเข้ามาให้เป็นทางเลือกและโอกาสของประชาชน ไม่ให้เป็นภาระ

 แม้ว่า กฎหมายยังไม่บังคับใช้ก็ตามแต่ราคา”คาร์ซีท”ก็พุ่งขึ้นไปแล้วตามกระแส  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแลไม่ให้เกิดการค้ากำไรเกินควร และเพื่อลดภาระของประชาชนในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคือง รายได้ไม่พอกับรายจ่าย