SVI ผลประกอบการ 1Q65: กำไรตํ่ากว่าที่คาด

SVI ผลประกอบการ 1Q65: กำไรตํ่ากว่าที่คาด

กำไรสุทธิของ SVI ใน 1Q65 อยู่ที่ 262 ล้านบาท (+77% YoY, -54% QoQ) แต่หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรจากธุรกิจหลักใน 1Q65 จะอยู่ที่ 213 ล้านบาท (+76% YoY, -62% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเราถึง 30%

เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าที่คาดไว้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ กำไรจากธุรกิจหลักใน 1Q65 คิดเป็น 15% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

 

ยอดขายทำสถิติสูงสุดใหม่

ยอดขายของ SVI ใน 1Q65 อยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท (+65% YoY, ทรงตัว QoQ) แต่หากไม่รวมผลกระทบ
จากอัตราแลกเปลี่ยน ยอดขายใน 1Q65 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 174 ล้านดอลลาร์ฯ (+51% YoY, +1%
QoQ) ซึ่งดีกว่าประมาณการของเรา 4% และคิดเป็น 23% ของประมาณการยอดขายในปีนี้ของเรา โดย
ยอดขายของกลุ่มอุตสาหกรรม และโครงข่ายมีสัดส่วนสูงที่สุดที่ 35.4% และ 35.5% ของยอดขายรวม
ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 65.3% YoY และ 69.8% YoY ตามลำดับrespectively.

 

อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 7.1%

อัตรากำไรขั้นต้นใน 1Q65 อยู่ที่ 7.1% (-1ppts YoY, -5.5ppts QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเราที่ 11.2% อย่างมาก และต่ำกว่าสมมติฐานปี 2565 ของเราที่ 9.8% ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำเกินคาดเป็นเพราะต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้น ในขณะที่บริษัทยังได้รับผลกระทบจากการที่จีนใช้มาตรการ lockdown และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นด้วย ทั้งนี้ สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายยังทรงตัวอยู่ที่ 3.1% ใน 1Q65 (จาก 4.4% ใน
1Q65 และ 3.0% ใน 4Q64) ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (net margin) ใน 1Q65 อยู่ที่ 4.6% (จาก 4.3% ใน 1Q64 และ 10.1% ใน 4Q64)

 

 

 

ปรับลดประมาณการกำไรลงเพื่อสะท้อนถึงแรงกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้น

ถึงแม้ยอดขายของ SVI จะทำสถิติสูงสุดใหม่ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง แต่อัตรากำไรขั้นต้น
อาจจะลดลง (ต้นทุนในการจัดหาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น) ทั้งนี้ จากสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศจีน เรามอง
ว่าประเด็นวัตถุดิบมีความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่กดดันอัตรากำไรขั้นต้นของ SVI ดังนั้น เราจึง
ทบทวนสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นใหม่ และปรับลดลง 1.1ppts สำหรับปี 2565-2566 ซึ่งทำให้เราปรับ
ลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ลง 22% และปี 2566 ลง 18%

 

Valuation & action

เราปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ลงจากเดิมที่ 9.40 บาท เหลือ 7.40 บาท อิงจาก PER เท่าเดิมที่ 14.0x (เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีตของ HANA) ทั้งนี้ เนื่องจากราคาหุ้นไม่เหลือ upside แล้ว เราจึงยังคงคำแนะนำ ถือ

 

Risks

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลน
วัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2565-2566 ที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์ฯ)
และความล่าช้าในกระบวนการทดสอบผลิตภัณฑ์