ปัจจัยลบรุมเร้า (วันที่ 9 พฤษภาคม 2565)

ปัจจัยลบรุมเร้า (วันที่ 9 พฤษภาคม 2565)

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวร่วง -25 จุดช่วงเปิดตลาด ก่อนที่จะรีบาวนด์ sideway ในแดนลบเหลือ -14 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดหุ้นต่างประเทศ

ปัจจัยกดดันมาจาก กระแสคาดการณ์ว่าเฟด อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนหน้า และสภาพคล่องในระบบที่จะลดลงจากการทำ QT ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,629.58 จุด -13.72 จุด -0.83% มูลค่าการซื้อขาย 72,642 ลบ. ต่างชาติ -528.09 ลบ. TFEX -29,104 สัญญา ตราสารหนี้ -3,452.19 ลบ.

 

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.51 ดอลลาร์ +1.4% ปิดที่ 109.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมากทั้งสัญญาน้ำมันดิบ WTI และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับขึ้น 4.9% และปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจาก EU เตรียมคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซียเพิ่มแนวโน้มปริมาณน้ำมันตึงตัว และบรรดาเทรดเดอร์มองข้ามความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันท่ามกลางแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
+ สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 428,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 400,000 ตำแหน่ง
+ ญี่ปุ่นจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมพื้นที่ชายแดนเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเดือนมิ.ย.เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของประเทศอื่น ๆ ในกลุ่ม G7
+ องค์การอนามัยโลก (WHO) เลือกประเทศไทยให้เป็นประเทศต้นแบบลำดับที่ 3 ของโลกในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี
+ นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีแนวโน้มที่สดใส เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะนำเงินเข้ามาพักไว้ เนื่องจากหลายประเทศเริ่มเปิดเศรษฐกิจ และหลายประเทศในเอเชียอนุญาตให้นทท.ที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 6,488 ราย ATK 4,945 ราย มีผู้เสียชีวิต 55ราย รักษาหาย 12,755 ราย

 

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 98.60 จุด -0.30% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ปรับตัวลง 0.2% ขณะที่ Nasdaq ลดลง 1.5% นลท.วิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- อัตราการว่างงานของสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 3.6% สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 3.5% และตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4%
- ผู้นำยูเครนเปิดเผยว่า กองกำลังทหารของรัสเซียได้ทำลายโรงพยาบาลในยูเครนหลายร้อยแห่ง รวมถึงสถานพยาบาลทางการแพทย์ ส่งผลให้ยูเครนเผชิญวิกฤตขาดแคลนยารักษาโรคมะเร็ง ขณะที่แพทย์ไม่สามารถทำการผ่าตัดให้กับผู้ป่วยได้
- ธปท.เผยผลสำรวจยอดพักโรงแรมเดือนเม.ย. เริ่มกระเตื้อง ได้อานิสงส์ช่วงสงกรานต์ แต่รายได้โดยรวมยังต่ำ รวมทั้งคนไทยยังเมินเที่ยว ลดกิจกรรมนอกบ้านกันมาก

 

แนวโน้มตลาดวันนี้


คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อตามทิศทางตลาดโลก โดยยังมีปัจจัยลบรุมเร้า ทั้งจากความวิตกกังวลว่าเฟด จำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,617-1,633 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• กรณีสงครามยืดเยื้อ ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง บวกต่อ PTTEP PTTGC TOP , สินค้าเกษตร ข้าวสาลี และกากถั่วเหลืองขึ้น เป็นบวกต่อ TMILL TVO และเป็นลบต่อธุรกิจอาหารสัตว์ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น CPF GFPT ASIAN
• ศบค.ยกเลิกตรวจ RT-PCR มีผล 1 พ.ค. นี้ : AOT ERW CENTEL MINT AWC • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน SNC KOOL SAPPE ICHI TACC
• ตัวเลขส่งออกเดือนมี.ค.ขยายตัว+เงินบาทอ่อนค่า TWPC ASIAN XO SNC SKN PIMO SMT

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                                         GPSC
                                  รายงานกำไร 1Q65 ที่ 377 ลบ. -87%YoY
                              และ -74%QoQ ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะขาดทุน

•กำไรสุทธิที่ลดลงเนื่องจากต้นทุนก๊าซฯ และถ่านหินปรับตัวขึ้น 47%QoQ และ 69%QoQ สู่ 487 บาท/mmbtu และ 162$/Ton ตามลำดับ ขณะที่ราคาขายปรับเพิ่มขึ้นเพียง 19%QoQ สู่ 3.78 บาทต่อหน่วย เนื่องจากค่า Ft ปรับตัวขึ้นช้ากว่าต้นทุนพลังงาน

•ความเห็น เรามีมุมมอง Neutral ต่อผลประกอบการ 2Q65 เนื่องจากราคาถ่านหินและก๊าซฯ ยังปรับตัวขึ้นต่อตามราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามได้รับชดเชยจาก Ft เดือน พ.ค.-ส.ค. ที่ปรับตัวขึ้น 6%QoQ สู่ 4 บาทต่อหน่วย เราจึงแนะนำ ถือ

 

หุ้นมีข่าว

(+) ITEL (Bloomberg Consensus 7.40 บาท) งานรอบุ๊กเพียบ หนุน Q1/2565 ฟอร์มแจ่ม แถมบุ๊กขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ดาต้า เซ็นเตอร์ หนุนฐานะการเงินแกร่งยิ่งขึ้น ด้านผู้บริหาร "ณัฐนัย" ตอกย้ำปี 2565 รายได้ตามเป้าแตะ 3.2 พันล้านบาท รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว แถมเดินเกมสอยงานใหม่ต่อเนื่อง อัพ Backlog เพิ่ม จากเดิมราว 3.48 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SPA (Bloomberg Consensus 8.70 บาท) เล็งบริการครบ 100% ในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังภาครัฐเปิดทางรับนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยได้ง่ายขึ้น คาดยอดใช้บริการพุ่งแตะ 5 แสนคน ด้านผู้บริหาร "วิบูลย์ อุตสาหจิต" เปิดโมเดลธุรกิจใหม่ ลุยบริหารสปาในโรงแรม พบความต้องการสูง (ที่มา ทันหุ้น)
 

(+) SMT (Bloomberg Consensus 6.00 บาท) บอร์ด ทุ่มงบไม่เกิน 150 ล้านบาท ขยายไปยังธุรกิจใหม่ในการทำเหมืองขุดบิทคอยน์ ในช่วงแรกจะซื้อเครื่องขุด 200 เครื่องใช้เงินราว 40 ล้านบาท เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ใหม่ พร้อมประกาศงบไตรมาสแรกปีนี้โกยกำไร 57 ล้านบาท เติบโต 12% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งดีกว่าโบรกเกอร์คาด พร้อมมองแนวโน้มไตรมาส 2/2565 ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BPP (Bloomberg Consensus 20.45 บาท) เดินหน้าคว้าโรงไฟฟ้าใหม่เติมพอร์ต ทั้งพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนในประเทศ ยุทธศาสตร์ต่างๆ ทั้งในเอเชีย อเมริกา ออสเตรเลีย มองความต้องการพลังงานระยะสั้นเพิ่มสูง และเพิ่มขึ้น 3 เท่าในปี 2050 หรือปี 2593 เตรียมแจ้งงบไตรมาส 1/2565 วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 นี้ (ที่มา ทันหุ้น)