Health Innovation โดดเด่นระยะยาว พร้อมระดมทุนวิจัยจากทั่วโลก

Health Innovation โดดเด่นระยะยาว พร้อมระดมทุนวิจัยจากทั่วโลก

หุ้นเฮลธ์แคร์ในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากภาพรวมลงทุนตลาดทั่วโลกอยู่บ้าง ในช่วงตลาดหุ้นปรับฐานลง นับเป็นโอกาสสำคัญเข้าลงทุนในกลุ่ม Innovative Healthcare เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาว

ภาพรวมการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้มีความผันผวนสูง และอาจทำให้ผู้ลงทุนถอดใจหรือชะลอการลงทุน แต่หากพิจารณาให้ดีจะพบว่า นี่เป็นโอกาสสำคัญในการลงทุน หากเลือกกลุ่มลงทุนที่มีความแข็งแกร่งสามารถข้ามผ่านความผันผวนระยะสั้นและมีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะยาว ดังเช่น กลุ่มเฮลธ์แคร์

กลุ่มเฮลธ์แคร์ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการเข้าสู่ สังคมสูงวัย (Aging Society) ของโลก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้วงการแพทย์พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด และทำให้การเข้าถึงบริการทางการแพทย์เป็นไปอย่างทั่วถึงหากเทียบกับในอดีต ยิ่งไปกว่านั้นการแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นปัจจัยเร่งสำคัญที่ทำให้นานาประเทศมุ่งความสนใจไปที่การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ ข้อมูลจาก StartUp Health Insight พบว่า ในปี 2021 ถือเป็นปีทองของเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยมีการทุ่มงบประมาณไปเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางแพทย์ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นกว่า 20 เท่าหากเทียบกับเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คือปี 2011 ที่มีการลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีทางแพทย์ด้วยจำนวนเงิน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และสำหรับในปี 2022 นี้ ช่วงไตรมาส 1 พบว่ามีการระดมทุนถึง 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และนับว่าเป็นเม็ดเงินที่สูงมากหากพิจารณาถึงสถานการณ์รอบด้านที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย รวมถึงปัญหาด้าน Supply Chain ที่เกิดขึ้นทั่วโลก นั่นแสดงให้เห็นว่า แม้สถานการณ์รอบด้านจะเลวร้ายเพียงใดก็ไม่ได้ทำให้ความสำคัญของกลุ่มเฮลธ์แคร์ลดลง และคาดว่าในอนาคตกลุ่มเฮลธ์แคร์จะยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง

ในแง่ของการใช้จ่ายเพื่อเข้าถึงบริการด้านเฮลธ์แคร์ พบว่า มีแนวโน้มการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในปี 2020 สหรัฐอเมริกามีการใช้จ่ายด้านเฮลธ์แคร์เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ถึง 9.7% คิดเป็นมูลค่า 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคิดเป็น 19.7% ของ GDP นอกจากนี้ ศูนย์บริการเมดิแคร์และเมดิเคด (Centers for Medicare & Medicaid Services) ของสหรัฐฯ ยังคาดการณ์ว่าสัดส่วนการใช้จ่ายทางด้านเฮลธ์แคร์ของสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 19.6% ของ GDP ไปจนถึงปี 2030 และคาดว่าในปี 2028 การใช้จ่ายทางด้านเฮลธ์แคร์จะมีมูลค่าสูงถึง 6.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 

สำหรับหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากภาพรวมการลงทุนในตลาดโลกอยู่บ้าง โดยประเด็นที่ทำให้ตลาดโดยรวมกังวลคืออัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นในระดับสูง สร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลาง เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น ในช่วงที่ตลาดหุ้นโดยรวมปรับฐานลง นับเป็นโอกาสสำคัญในการเข้าลงทุนในกลุ่ม Innovative Healthcare เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่ล้อไปกับภาพรวมของอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ที่มีการระดมทุนสำหรับการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มาซึ่งนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นตอบโจทย์เทรนด์การดูแลรักษาสุขภาพที่นับเป็น Megatrend ของโลก

Health Innovation โดดเด่นระยะยาว พร้อมระดมทุนวิจัยจากทั่วโลก หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ [email protected] I บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPT Wealth Manager ธนาคารทิสโก้