อยากเป็นคนเก่งหรือคนมีความสุข

เพราะความสุขในชีวิตไม่ได้แปลว่าไม่มีปัญหา แต่คือการมองปัญหาอย่างเข้าใจ
ในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล คนในวัย 40 - 50 ปีมองย้อนกลับไปจะเห็นภาพอดีตที่แตกต่างกับวันนี้ราวกับอยู่คนละยุค ตั้งแต่โลกก่อนอินเทอร์เน็ต จนมาถึงยุคที่ทุกอย่างอยู่ในมือเพียงปลายนิ้วสัมผัส เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน การสื่อสาร การเรียนรู้ และแม้กระทั่งความสัมพันธ์ในครอบครัว
แต่ในขณะที่โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เปลี่ยนคือความคาดหวังของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีขึ้น มีความเป็นอยู่ที่มั่นคงและสะดวกสบายกว่าที่ตนเคยมี แต่คำว่าชีวิตที่ดีขึ้นในยุคนี้มีความหมายที่ซับซ้อนและหลากหลายมากกว่าเดิม
ในอดีต คนอายุ 50 ปีขึ้นไปเคยเติบโตมาในโลกที่มีช่องทางการเรียนรู้จำกัด ครู หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ คือแหล่งข้อมูลหลักซึ่งผ่านการคัดกรองจากผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว ทำให้ข้อมูลมีความเป็นระเบียบและรับรองความถูกต้องโดยหน่วยงานต่าง ๆ แต่ในโลกปัจจุบัน เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกประเภทได้อย่างอิสระและไร้ขอบเขตบนหน้าจอมือถือ
ความท้าทายของพ่อแม่จึงไม่ใช่แค่หาโรงเรียนดีๆ หรือกันไม่ให้ลูกเข้าถึงสิ่งที่ไม่เหมาะสมเท่านั้น แต่คือการปลูกฝังให้ลูกมีวิจารณญาณในการรับรู้ รู้จักแยกแยะ รู้จักตั้งคำถาม และรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาเลือกเสพ เลือกเชื่อ และเลือกเป็น
หากลองถามพ่อแม่ว่า อยากให้ลูกเป็นอย่างไรในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือ อีก 20 ปีข้างหน้า ไปจนถึงอีก 50 ปีข้างหน้า คำตอบที่ได้ย่อมหลากหลายตามแต่พื้นฐานและความคาดหวังของแต่ละครอบครัว
แต่หากถามต่อว่า แล้วพ่อแม่จะทำอย่างไรเพื่อให้เขาไปถึงตรงนั้นได้? คำตอบกลับมักวนอยู่แค่การให้เขาเรียนในโรงเรียนดีๆ มีบ้านอยู่อย่างอบอุ่นปลอดภัย มีอาหารที่ถูกสุขลักษณะ มีสภาพแวดล้อมที่ดี ฯลฯ
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานภายนอกเท่านั้น แต่สิ่งที่จะพาลูกไปได้ไกลกว่านั้นคือ “แก่นแท้ภายใน” คือความคิด ทัศนคติ และคุณค่าที่ปลูกไว้ในใจตั้งแต่ยังเล็ก
ไม่ว่าจะโลกเปลี่ยนไปอย่างไร เด็กที่มี “แก่น” ที่มั่นคงภายในจะสามารถยืนหยัดได้แม้ในวันที่ล้ม และจะกลับมาได้แม้ในวันที่แพ้ รวมถึงรู้จักตั้งเป้าหมายใหม่ แม้ในวันที่หลงทาง
พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกฉลาด และมีความสุข แต่หากต้องเลือกเพียงอย่างเดียว หลายคนอาจลังเลว่าระหว่างความสุขที่เรียบง่าย กับความเก่งที่แข่งขันได้ ควรเลือกอะไร? แท้จริงแล้ว เด็กที่มีความสุขที่แท้จริง มักจะเป็นคนที่กล้าคิด กล้าเรียนรู้ และสุดท้ายก็จะเก่งในแบบของตัวเอง
เพราะความสุขในชีวิตไม่ได้แปลว่าไม่มีปัญหา แต่คือการมองปัญหาอย่างเข้าใจ มองอุปสรรคเป็นบทเรียน มองความพ่ายแพ้เป็นโอกาสในการเติบโต
เด็กที่มีทัศนคติแบบนี้จะใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ไม่ต้องมีทุกอย่าง แต่มีทัศคติที่ดีและมีใจที่มั่นคงก็เพียงพอแล้ว
ยังมีข้อคิดอื่นๆ ติดตามต่อในสัปดาห์หน้าครับ....







