อีสานบ่เขียว "พลังป้อม" ป้อแป้

อีสานบ่เขียว "พลังป้อม" ป้อแป้

ถึงจะเข็นลุงป้อมไปหาเสียง พูดว่าพลังประชารัฐ ใจถึงพึ่งได้ แถมปล่อยท่อน้ำเลี้ยงไหลจ้ากๆ ก็ยากมาก เพราะทักษิณเอาจริง จึงส่งเฮียเพ้งมาเป็นแม่ทัพอีสาน

เมื่อสีแดงกลับมา เพื่อไทยยุค "อุ๊งอิ๊ง" นารีขี่ม้าขาวคนที่ 2 สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งภาคอีสานขณะที่พลังประชารัฐ ตกอยู่ในสภาพคนอมโรค ยากที่จะรักษาเก้าอี้ ส.ส.เขต 12 ที่นั่งไว้ได้

ข่าวเก็บตกจากวงในบ้านป่ารอยต่อ กรณี สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พลังประชารัฐ ออกมาระบายความในใจถูก "ขาใหญ่" ภาคอีสานอมตังค์นั้น เป็นการโยนระเบิดกลางวงก่อนอำลาลุงป้อม

สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ อดีตนายก อบต.ห้วยยายจิ๋ว อ.เทพสถิต ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ชัยภูมิ เขต 3 ด้วยฐานเสียงของตัวเอง จึงรู้สึกเจ็บปวดที่เงินช่วยเหลือจากพรรค ถูกขาใหญ่อมไป

อ่านข่าว : "นิด้าโพล" เผย "เพื่อไทย" ยังครองใจคน "อีสาน"

ส.ส.พรรษาแรกมาอยู่ในสภาฯ สัมฤทธิ์จะไปใกล้ชิดกับกลุ่มสามมิตร และลูกสาว "ไอเดียร์"สุชาดา แทนทรัพย์ ได้เป็นโฆษกกระทรวงอุสาหกรรม ก่อนจะลาออก และย้ายไปเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยเป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมช.ศึกษาธิการ (กนกวรรณ วิลาวัลย์) เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 8 ต.ค.2564

สัมฤทธิ์พูดต่อหน้าลุงป้อมว่า จะอยู่พลังประชารัฐ จนถึงวันยุบสภา และจากนั้น ค่อยคิดอีกทีเรื่องอนาคตการเมืองของตัวเอง

เลือกตั้ง ส.ส.ปี 2562 ชัยภูมิ มี ส.ส.พลังประชารัฐ 2 คนคือ เขต 2 เชิงชาย ชาลีรินทร์ บุตรชายพ.ท.อรุณ ชาลีรินทร์ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ และเขต 3 สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ที่มี วุฒิชัย สงวนวงศ์ชัยอดีต ส.ส.ชัยภูมิ สนับสนุน

ส.ส.ชัยภูมิสองคนนี้ ได้รับเลือกตั้งเพราะมีฐานเสียงการเมืองท้องถิ่นเป็นของตัวเอง จึงคาดว่าสมัยหน้าอาจย้ายไปหาบ้านหลังใหม่

ใครก็รู้ สนามเลือกตั้งภาคอีสาน นับแต่ปี 2544 จนถึงปี 2562 พรรคการเมืองของทักษิณ ถือว่าเป็นแชมป์ผูกขาดภาคอีสาน ปี 2554 พรรคเพื่อไทย กวาด ส.ส.ภาคอีสาน 104 ที่นั่ง แต่ปี 2562 ลดลงเหลือ 83 ที่นั่ง แต่เพื่อไทยก็ยังเป็นแชมป์อีสาน

เลือกตั้งอีสานครั้งที่แล้ว พรรคพลังประชารัฐ กวาดต้อนอดีต ส.ส.เข้าพรรคจำนวนมาก โดยมีสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน แต่ความเป็นจริง ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 20 จังหวัด ได้รับการดูแลจากหลายซุ้ม อาทิเช่น สมศักดิ์ เทพสุทิน, วิรัช รัตนเศรษฐ, เอกราช ช่างเหลา, สุพล ฟองงาม และสุชาติ ตันเจริญ

ด้วยยี่ห้อพรรคทหาร หรือพรรคสีเขียว จึงเจอแรงต้านจากคนอีสาน ส่งผลให้ ส.ส.เกรด A และB ที่ย้ายมาจากพรรคเพื่อไทย และพรรคอื่นๆ สอบตกเกลี้ยง

พลังประชารัฐ ได้ ส.ส.ในภาคอีสานเพียง 15 คน (รวมทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ) แยกเป็นบัญชีรายชื่อ 3 คนได้แก่ วิรัช รัตนเศรษฐ, สุพล ฟองงาม และเอกราช ช่างเหลา

ส่วน 12 ส.ส.เขต ได้แก่ ขอนแก่น 2 คือ วัฒนา ช่างเหลา และสมศักดิ์ คุณเงิน ,สุรินทร์ เขต 2 ณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ และอุบลราชธานี เขต 6 ธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ และชัยภูมิ 2 คนคือ เชิงชายชาลีรินทร์ และสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ 

ที่เป็นกอบเป็นกำคือ นครราชสีมา 6 คน ได้แก่ตระกูลรัตนเศรษฐ ,เกษม ศุภรานนท์ และสมศักดิ์พันธ์เกษม

วิรัช รัตนเศรษฐ จึงผูกติดเป็นพันธมิตรกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค จัดทัพเลือกตั้งในภาคอีสาน สมัยหน้า เพื่อสู้กับพรรคเพื่อไทย

ธรรมนัสมองว่า สนามนครราชสีมา ที่จะได้ ส.ส.เพิ่มจาก 14 คนเป็น 16 คน น่าจะเป็นเป้าหมายหลักของพรรค เนื่องจากกระแสทักษิณ ไม่ได้อิทธิพลครอบงำหนาแน่นเท่ากับอีสานเหนือ 

นอกจากนี้ จ.สุรินทร์ ก็ยังเบียดได้ ตอนนี้ มี "เซี้ย สินอุดม" ณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.เขต 2 สายตรงธรรมนัส-วิรัช เป็นตัวยืน 

ส่วน จ.อุบลราชธานี ปัญหาอยู่ที่ สุพล ฟองงาม และอดีตผู้สมัคร ส.ส.คราวที่แล้ว จะเอายังไง ยังอยู่พลังประชารัฐ หรือจะไปภูมิใจไทย ด้าน ธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.เขต 6 อุบลฯ คนละสายกับสุพล ฟองงาม จะขยับไปอยู่พรรคอื่นหรือไม่ ก็น่าติดตามกันต่อไป 

จุดอ่อนของพลังประชารัฐ ภาคอีสานคือ เอกราช ช่างเหลา หนที่แล้วทิ้งผู้สมัคร ส.ส.คนอื่นหมดหันมาลุ้นลูกชายที่เขต 2 ขอนแก่น จนกลายเป็นเรื่องบาดหมางใจกันมาจนถึงวันนี้

ถึงจะเข็นลุงป้อมไปหาเสียง พูดว่าพลังประชารัฐ ใจถึงพึ่งได้ แถมปล่อยท่อน้ำเลี้ยงไหลจ้ากๆ ก็ยากมาก เพราะทักษิณเอาจริง จึงส่งเฮียเพ้งมาเป็นแม่ทัพอีสาน  

สมรภูมิรบอีสานครั้งใหม่ จะเป็นการต่อสู้ระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล มีภูมิใจไทยสอดแทรกส่วนพลังประชารัฐ มีโอกาสสูญพันธุ์สูง