'เนวิน' ธงนำดีลอนุรักษ์ ทางลัด 'ทักษิณโมเดล' ขยายน้ำเงิน

"เนวิน" ครูใหญ่ปราสายสายฟ้า รับโจทย์ปั้น “อนุทิน” นายกฯ รัฐบาลอนุรักษ์ หรือบ้านใหญ่ฝ่ายขวา หลังเลือกตั้งสมัยหน้า

โอกาสทองอาณาจักรปราสาทสายฟ้ามาถึงแล้ว เนวิน ชิดชอบ กุมขมับจะโตแบบไหน หลังเลือกตั้ง ปี 2569 พรรคภูมิใจไทย จะได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 และดัน อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง

ดังที่รู้กัน พรรคภูมิใจไทยคือ “พรรคบ้านใหญ่” เหมือนพรรคชาติไทยสมัยที่มี บรรหาร ศิลปอาชา เป็นเจ้าของพรรค มีกองกำลัง สส. แต่ไม่มีกระแส ไม่มีความนิยม

อีกด้านหนึ่ง “เนวิน” กำลังเรียนลัดเดินตามรอยสูตร “ทักษิณโมเดล” ปี 2544-2548 โดยการรวมรวม สส.จากพรรคเพื่อไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ มาสวมเสื้อสีน้ำเงิน เพื่อเป็นการสู้ศึกเฉพาะกิจ

20 กว่าปีที่แล้ว ทักษิณ สร้างพรรคไทยรักไทย ให้สอดคล้องกับสภาพการเมืองไทยคือ เป็นทั้งพรรคกระแส และพรรคบ้านใหญ่

ด้านที่เป็น “กระแส” ได้ผลิตชุดนโยบายประชานิยม ไม่ว่าจะเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน โอท็อป ฯลฯ

ส่วนด้านที่เป็น “กระสุน” หรือนักการเมืองบ้านใหญ่ ก็ดำเนินกลยุทธ์ดูดอย่างมีเป้าหมาย ไม่สะเปะสะปะ

หน้าใหม่ผสมจอมเก๋า

ทักษิณ ชินวัตร เคลื่อนทัพพรรคไทยรักไทย ช่วงแรกๆ ปี 2542-2543 เน้นการสร้างนักการเมืองหน้าใหม่ หรือที่เรียกว่า “นกแล” แต่เพื่อรับประกันชัยชนะในสนามเลือกตั้ง สส. จึงต้องดูดบ้านใหญ่มาเสริมทัพ

ซุ้มการเมืองในพรรค ทรท. ก่อนการเลือกตั้งปี 2544 ประกอบด้วย 4 มุ้งใหญ่

1.กลุ่มพลังธรรม นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 

2.กลุ่มวังน้ำเย็น ที่มาจากพรรคความหวังใหม่ โดยเสนาะ เทียนทอง เป็นผู้นำ มีกำลัง สส.ในมือ 20 คน

3.กลุ่มพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ เป็น สส.สายเหนือ ที่เคยสังกัดพรรคชาติไทย และพรรคชาติพัฒนา

4.กลุ่มกิจสังคม โดยสมศักดิ์ เทพสุทิน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และสุวิทย์ คุณกิตติ

นอกจากนั้น ก็มี สส.ที่มากันแบบกลุ่มเล็กๆ เช่นยงยุทธ ติยะไพรัช วิสาร เตชะธีราวัฒน์ อุทัย พิมพ์ใจชน ยิ่งพันธุ์ มนะสิการ สุชน ชามพูนท ฯลฯ

หลังเลือกตั้งปี 2544 มีการจัดตั้งรัฐบาลทักษิณ 1 ได้มีการควบรวมพรรค ทรท.กับพรรคขนาดกลางอีก 2 พรรค

1.พรรคเสรีธรรม ที่มี ประจวบ ไชยสาส์น และพินิจ จารุสมบัติ เป็นแกนนำพา สส.อีสาน เข้ามาอยู่ในสังกัด ทรท.

2.พรรคความหวังใหม่ นำโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่มาพร้อม สส.กลุ่มวาดะห์ 

ช่วงปี 2545 ทักษิณ เปิดการเจรจากับ 2 ซุ้มบ้านใหญ่ เพื่อนำเสียง สส.มาเติมเต็ม

1.กลุ่มสะสมทรัพย์ โดยไชยา สะสมทรัพย์ ยอมทิ้งพรรคเอกภาพ แล้วย้ายมาสังกัด ทรท.

2.กลุ่มบ้านใหญ่บุรีรัมย์ ชัย ชิดชอบ พาลูกชาย เนวิน ชิดชอบ พร้อม สส.ก๊วนบุรีรัมย์ ลาพรรคชาติไทย เข้ามาซบอกทักษิณ 

กวาดซุ้มบ้านใหญ่

ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปปี 2548 ทักษิณ ชินวัตร ได้เปิดปฏิบัติการ “ดูด” ครั้งใหญ่ เพื่อให้ได้ “เสียงข้างมาก” ในสภาฯเพียงพรรคเดียว

1.กลุ่มบ้านใหญ่ชลบุรี ทักษิณ เปิดดีล “กำนันเป๊าะ” สมชาย คุณปลื้ม ยกทีมชลบุรี ออกจากพรรคชาติไทยให้มาสวมเสื้อ ทรท.

2.กลุ่มลำตะคอง ทักษิณเชิญพรรคชาติพัฒนาร่วมรัฐบาลโดยสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ได้รองนายกรัฐมนตรี และอนุทิน ชาญวีรกูล เป็น รมช.สาธารณสุข

การเข้าร่วมของกลุ่มสุวัจน์ มีเงื่อนไขว่า ในการเลือกตั้งปี 2548 กลุ่มโคราช จะต้องแขวนพรรคชาติพัฒนาไว้ และหันมาใส่เสื้อ ทรท.

ทักษิณพยายามเกลี้ยกล่อม บรรหาร ศิลปอาชา ให้ยอมควบรวมพรรคชาติไทยกับ ทรท. แต่บรรหารไม่ยอม และขอยืนหยัดสู้ต่อในสนามเลือกตั้งต่อไป

นอกจากนี้ ทักษิณยังเจรจา “เจ้าพ่อปากน้ำ” วัฒนา อัศวเหม เจ้าของพรรคราษฎร หลายรอบแต่ไม่สำเร็จ เพราะวัฒนาประกาศจุดยืนไม่เอาตระกูลชินวัตร

ผลพวงของการดูด สส.ร้อยพ่อพันธุ์แม่ให้มาอยู่ใต้ร่มธงผืนเดียวกัน จึงเกิดคำว่า “มุ้งการเมือง” โดยพรรคไทยรักไทยสมัยนั้น ประกอบด้วย 13-14 มุ้ง

อย่างเช่นกลุ่มวังบัวบาน กลุ่มวังน้ำยม กลุ่มวังน้ำเย็น กลุ่มวังพญานาค กลุ่มวังมะนาว กลุ่มลำตะคอง กลุ่มบ้านใหญ่ชลบุรี กลุ่มเมืองหลวง ฯลฯ

โจทย์ยากครูใหญ่บุรีรัมย์

สถานการณ์การเมือง 3 ก๊กคือ แดง น้ำเงิน และส้ม ซึ่งจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ห้ำหั่นกันดุเดือดในสมรภูมิเลือกตั้ง

สำหรับพรรคเพื่อไทย ในวันที่นายใหญ่ยังอยู่ในเรือนจำ และผู้นำทัพคนใหม่ก็ไม่ชัดเจน คะแนนนิยมย่อมตกต่ำ แต่ สส.บ้านใหญ่สีแดงก็น่าจะภักดีต่อตระกูลชินวัตรต่อไป

พรรคประชาชน น่าจะมีความได้เปรียบในเรื่องกระแส แต่จำนวนตัวเลข สส.อาจไม่ทะลุ 150 ที่นั่ง เนื่องจากปม สส.พรรคสีส้ม โหวตเลือกอนุทิน นั่งนายกฯ ทำให้ด้อมส้มและผู้สนับสนุนกังขา

พรรคภูมิใจไทย อาจจะได้เปรียบในการเป็นรัฐบาลก่อนการยุบสภา และรักษาการไปอีก 3-4 เดือน แต่พรรคสีน้ำเงินก็มีจุดอ่อนคือ ไม่มีกระแส และแบรนด์อนุทินขายยาก  

ดังนั้น “เนวิน” จึงพยายามระดม “สส.บ้านใหญ่” เข้ามาอยู่ในสังกัดค่ายสีน้ำเงิน เพิ่มจำนวน “สส.เขต” ทดแทน สส.บัญชีรายชื่อ

นับจากนี้ไป ต้องจับตาดูครูใหญ่เนวิน ที่งัดสูตร “ทักษิณโมเดล” มาใช้ใน พ.ศ.นี้ จะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน