สแกนขุมกำลัง “ประยุทธ์” ตามล่า 25 เสียง ไม่ง่ายดังฝัน

สแกนขุมกำลัง “ประยุทธ์” ตามล่า 25 เสียง ไม่ง่ายดังฝัน

โชว์ลีลาเลี้ยงกระแส “ประยุทธ์” ไม่หงายไพ่ สวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติ หวังรวบรวมไพร่พล ส.ส.บ้านใหญ่บ้านเล็ก ให้ได้มากที่สุด ก่อนถึงวันยุบสภาฯ

ลำพังที่มีรายชื่ออยู่ในมือ “ประยุทธ์” ก็รู้ว่า จำนวนยังไม่เพียงพอต่อการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี เหมือนที่คนดูไบ เคยหยามหยันเอาไว้ 

ชั่วโมงนี้ ภาพที่เห็นและเป็นอยู่คือ การแย่งชิง ส.ส.พลังประชารัฐ ของ 2 ป. ทำให้ ส.ส.บางกลุ่ม แหกค่ายไปสังกัดพรรคอื่น เพื่อไม่ให้เป็นตัวประกันของลุงป้อมและลุงตู่

แม้จะมีคนอธิบายว่า พี่น้อง 3 ป.ที่ยึดกุมอำนาจกว่า 8 ปี  ไม่มีทางที่จะลงจากอำนาจง่ายๆ การแยกทางกันเดินก็เหมือนที่ซุนวู เคยสอนว่า “อันสงครามนั้นคือ การใช้เล่ห์เพทุบาย” หรือการศึกมิหน่ายเล่ห์ แต่ฟังจากคนใกล้ชิดแต่ละฝ่าย ก็คล้ายว่าจะแยกกันขาดเลย  

หันมามองพรรครวมไทยสร้างชาติ บ้านหลังใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ ในเบื้องต้นก็มีตัวละครหน้าเดิมๆจากพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นแกนหลัก ไม่ว่าจะเป็น พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค  หัวหน้าพรรค, เอกนัฏ  พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และวิทยา แก้วภราดัย กรรมการบริหารพรรค

พอเห็นแค่ชื่อแกนนำ 3-4 คน ทักษิณ ชินวัตร หรือโทนี่ วู้ดซั่ม จึงปรามาสผ่านรายการแคร์ทอล์คว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ไม่ถึง 25 เสียงหรอก และเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ไม่ได้

ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 คุณสมบัติของผู้ที่จะถูกเสนอชื่อเข้าชิงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติเลือกนั้น ต้องมาจากพรรคการเมืองที่มี ส.ส. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของสมาชิก ส.ส. ที่มีอยู่ 500 คน นั่นเท่ากับว่า พรรคที่ได้ ส.ส. 25 คนขึ้นไป จึงจะมีสิทธิเข้าชิง

การต่อสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อให้ได้ ส.ส. 25 คน จึงโจทย์ข้อแรกและท้าทายแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ


บ้านใหญ่ภาคใต้

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็รู้ว่า การช่วงชิง ส.ส.ในสมรภูมิเลือกตั้ง ให้ได้ 25 ที่นั่งสำหรับพรรคใหม่ป้ายแดง ไม่ใช่เรื่องง่าย บทเรียนของพรรครวมพลังประชาชาติไทย(พรรครวมพลัง) ของสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็มีให้เห็นแล้ว

สแกนขุมกำลัง “ประยุทธ์” ตามล่า 25 เสียง ไม่ง่ายดังฝัน

ฉะนั้น ในวันที่เปิดตัวคณะกรรมการบริหารพรรค รทสช.ชุดใหม่ จึงพยายามโชว์ภาพกลุ่มการเมือง “บ้านใหญ่” จากปักษ์ใต้ ที่เป็นขุมกำลังสำคัญในการพิชิตเป้าหมาย “ส.ส.เขต” 

บ้านใหญ่ชุมพร หรือจุลใสแฟมิลี่ นำโดยลูกหมี-ชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร น่าจะเป็นความหวังสูงสุดของพีระพันธุ์ 

สนามชุมพร มี ส.ส. 3 คน ปรากฏว่า พรรค รทสช.วางตัวครบแล้วคือ เขต 1 สจ.ชัย-วิชัย สุดสวาทดิ์ อดีต ส.อบจ.ชุมพร ,เขต 2 สันต์ แซ่ตั้ง อดีตรองนายก อบจ.ชุมพร และเขต 3 ลูกช้าง-สุพล จุลใส พี่ชายลูกหมี

สแกนขุมกำลัง “ประยุทธ์” ตามล่า 25 เสียง ไม่ง่ายดังฝัน

กรณี สุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรครวมพลัง รอให้มีการยุบสภาเสียก่อน จึงจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ในพื้นที่ ส.ส.ลูกช้าง ก็สวมเสื้อพรรค รทสช.เดินหาเสียงแล้ว

อย่างไรก็ตาม ลูกหมี-ชุมพล จุลใส คงคาดหวังแค่ 2 ที่นั่งจากเขต 2 และเขต 3 เพราะเขต 1 ส.ส.ตาร์ท-อิสรพงษ์ มากอำไพ ยังสวมเสื้อพรรค ปชป.อยู่ 

สำหรับ ส.ส.ตาร์ท เป็นลูกชายโกหีต เจ้าของสัมปทานรังนกแถวหาดทรายรี และเป็นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายภรรยาของลูกหมี

บ้านใหญ่เมืองร้อยเกาะ ของ กำนันศักดิ์-พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ.สุราษฏร์ธานี ได้เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ไปแล้ว เกือบครบทุกเขต 

ที่เป็นเป้าหมายของกำนันศักดิ์คือ อนงค์นาถ จ่าแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฏร์ ธานี เขต 6 (อ.ไชยา) ที่ต้องชนกับ ธีรภัทร พริ้งศุลกะ ส.ส.สุราษฏร์ธานี พรรค ปชป. ศึกนี้แพ้ไม่ได้ ระหว่างลูกสาวคนโปรดของกำนันศักดิ์ กับลูกชาย นิภา พริ้งศุลกะ อดีต ส.ส.หลายสมัย

บ้านใหญ่ธรรมเพชร โดยนายกพร-วิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง และกรรมการบริหารพรรค รทสช.

สแกนขุมกำลัง “ประยุทธ์” ตามล่า 25 เสียง ไม่ง่ายดังฝัน

สนามพัทลุง มี ส.ส. 3 คน แต่มี 3 พรรคชิงดำกันคือ ปชป. ,ภูมิใจไทย และ รวมใจไทยสร้างชาติ วิสุทธิ์ส่งลูกชายคนโต นิติศักดิ์ ธรรมเพชร ลงสมัคร ส.ส.พัทลุง เขต 2 และวาดหวังต้องเอาชนะให้ได้ 


ผ่าขุมกำลังเฮ้ง
 

ด้วยขุมกำลังทั้งบ้านใหญ่ และ ส.ส.ปชป.ภาคใต้ที่จะมาเพิ่มเติม พิจารณาแล้วพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ยังตามล่าหาเก้าอี้ ส.ส.ได้ไม่ถึง 25 ที่นั่ง เลี่ยงไม่พ้นที่จะมีปฏิบัติการตกปลาในบ่อเพื่อน

สแกนขุมกำลัง “ประยุทธ์” ตามล่า 25 เสียง ไม่ง่ายดังฝัน  

นักเลงเมืองชลอย่าง สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ ส.ส.ชลบุรี จึงต้องลุกขึ้นมาประกาศขอตามลุงตู่ไปอยู่พรรคใหม่ เพื่อนำร่องให้ซุ้มอื่นๆในพรรค พปชร.

หันไปมอง ส.ส.พรรค พปชร. ซุ้มพลังเฮ้ง ก็มีอยู่ 7 คน ได้แก่ สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี, รณเทพ อนุวัฒน์ ส.ส.ชลบุรี ,ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์, ไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ , สาทิตย์ อุ๋ยตระกูล ส.ส.เพชรบุรี , สมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง และ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี 

สแกนขุมกำลัง “ประยุทธ์” ตามล่า 25 เสียง ไม่ง่ายดังฝัน

ส่วน อนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ ที่เสี่ยเฮ้งดูแลอยู่ สมัยหน้า จะส่งลูกชาย อริญชัย ซูสารอ กำนัน ต.ควน อ.ปะนาเระ ลงสมัคร ส.ส.แทน เพราะตัวเองมีปัญหาสุขภาพ

กองกำลังในซุ้มเสี่ยเฮ้ง ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.สมัยแรก โอกาสสอบตกมีสูง ดังนั้น สุชาติ ชมกลิ่น จึงต้องทุ่มเทสรรพกำลังไว้ที่ชลบุรี และฉะเชิงเทรา 

สแกนขุมกำลัง “ประยุทธ์” ตามล่า 25 เสียง ไม่ง่ายดังฝัน

พลันที่บ้านใหญ่กำนันเป๊าะ เตรียมย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย สนามเมืองชลสมัยหน้า ได้กลายเป็นศึกศักดิ์ศรีของ “บ้านใหม่พลังเฮ้ง” กับ “บ้านใหญ่ลูกกำนันเป๊าะ” 

ขุมกำลังของเสี่ยเฮ้ง เป็นนักการเมืองท้องถิ่นระดับบ้านใหญ่อย่าง สุรพงษ์ นำชัยรุจิพงษ์ ,สมเจตน์ เกตุวัตถา,รุ่งเพชร แจ่มเจริญ และมานพ ประกอบธรรม 

ส่วนสนามฉะเชิงเทรา เสี่ยเฮ้งฝากความหวังไว้กับนายกไก่-กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ที่วางตัวผู้สมัคร ส.ส.ไว้ครบ 4 เขต 

ด้าน ไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ เขต 7 เป็นหนึ่งเดียวในวงล้อมของบ้านใหญ่อัศวเหม สมัยหน้า ต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหลานชายวัฒนา คงต้องทำศึกล้างตากับตระกูลเทียนสุวรรณ บ้านใหญ่พระสมุทรเจดีย์

จริงๆแล้ว เสี่ยเฮ้ง มี ส.ส.เพชรบุรี และ ส.ส.กาญจนบุรี อยู่ในการดูแลอีก 4 คน แต่ประเมินกำลังแล้ว คงอุ้มไว้ไม่ไหว จึงปล่อยให้ไปสังกัดภูมิใจไทย 


ส.ส.นกแล

ส.ส.พลังประชารัฐ ภาคใต้ 14 คน ที่ชัดเจนว่า เลือกอยู่กับลุงตู่ มีอยู่ 4 คนได้แก่ สายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช, ศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา, พยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา และ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส.สงขลา ส่วนที่เหลือนั้น คาดว่าจะปักอยู่กับลุงป้อม และแยกย้ายไปสังกัดพรรคอื่น

เช่นเดียวกับ ส.ส.กรุงเทพมหานคร 11 คน ก็มี ส.ส. 4 คนที่แสดงตัวว่า จะมาอยู่กับลุงตู่ ส่วนที่เหลือ น่าจะไปอยู่พรรคภูมิใจไทย และบางคนยังอยู่กับลุงป้อม

ว่ากันตามตรง ส.ส.ที่มากับกระแสลุงตู่ ในสนาม กทม. และภาคใต้ จัดว่าเป็น ส.ส.นกแล มีโอกาสสอบตกสูง หากกระแสลุงตู่ไม่แรงเท่าปี 2562

ประเมินกำลังในชั่วโมงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องการ ส.ส.พลังประชารัฐ ระดับซุ้มบ้านใหญ่อย่างน้อยอีก 2-3 ซุ้ม จึงจะการันตีเก้าอี้ ส.ส. 25 ที่นั่ง 

ด้วยเหตุนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงทำตัวเป็นนักมวยยก 4 ออกลีลาติ๊ดชึ่งไปเรื่อยๆ เลี้ยงกระแสตีกินไปวันๆ ไม่ต้องรีบหงายไพ่ เปิดหน้าเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรค รสทช.

พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีดาบยุบสภาฯ และดาบปรับ ครม.อยู่ในมือ โดยเฉพาะการปรับ ครม. จะเครื่องมือไว้ล่อซุ้มบ้านใหญ่บ้านเล็กใน พปชร. ให้เข้ามาสวามิภักดิ์ แลกกับเก้าอี้รัฐมนตรี

หัวหน้าซุ้มบ้านใหญ่ ก็เก๋าเกมพอที่จะไม่ตัดสินใจเลือกข้างอย่างทันทีทันใด ฉะนั้นเกมปรับ ครม. อาจนำมาซึ่งความวุ่นวายภายใน พปชร.อีกยกหนึ่ง และใครบางคนที่พูดว่า 2 ป.แยกกันเดินรวมกันตี อาจจะคิดผิด  

เหมือนคำคมจากสามก๊กที่ว่า “เมื่อเกี่ยวข้องกันเรื่องอำนาจ แม้แต่สายโลหิตเดียวกัน ก็ไว้ใจไม่ได้” พี่น้อง 3 ป. ก็หนีไม่พ้นสัจธรรมเรื่องการแย่งชิงอำนาจเช่นกัน