น้องดาว

ใช่ครับ มีดวงดาวมากมายโคจรอยู่บนท้องฟ้า ใกล้บ้างไกลบ้าง คนในเมืองไม่มีโอกาสได้เห็นหรอกครับ เพราะว่าถูกรบกวนด้วยแสงสีต่างๆ แต่ใครที่ได้เห็นภาพดาวล้านดวง คงจะรู้สึกได้ว่าโลกเรานี้เป็นเพียงดาวดวงเล็กๆ ที่ล่องลอยอยู่ เท่านั้นเอง

บังเอิญว่าโลกมีมนุษย์ และมนุษย์มีสมอง เลยทำให้มีนักวิทยาศาสตร์ ที่สามารถส่งมนุษย์และยานอวกาศ ไปเยือนดาวต่างๆมาแล้ว หลายดวง

นอกจากมีสมองแล้ว มนุษย์ยังมีอีกอย่างหนึ่งคือ“ความกลัว” ที่กลัวมากๆคือ กลัวความตาย จึงทำให้ต้องระแวดระวังภัยจากรอบทิศทางแม้กระทั่งดวงดาว เราก็กลัวว่าอาจจะมีดวงใด โคจรมาชนโลก ทำให้มนุษย์ต้องเสียชีวิต หรือไม่

ในอดีต มี “อุกกาบาต” (Meteorite) พุ่งเข้าชนโลกแล้วหลายครั้ง จึงมีความจำเป็นจะต้องติดตามการโคจรของดาวบนท้องฟ้า ว่าจะมีดวงใด ที่มีโอกาสพุ่งมาชนโลกใบนี้ได้บ้าง และ เมื่อใด

ก่อนอื่นคงต้องบอกความแตกต่างว่า “ดาวเคราะห์น้อย” (Asteroid) ก็คือดาวที่โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์ มักมีลักษณะเป็นหิน โลหะ หรือแร่ธาตุแข็ง และมีขนาดตั้งแต่ไม่กี่เมตร จนถึงหลายร้อยกิโลเมตร

ส่วน“อุกกาบาต” ก็คือเศษชิ้นส่วนของดาวเคราะห์น้อย หรือดาวหาง ที่ตกลงมายังพื้นโลก

มี “ดาวเคราะห์น้อย” ดวงหนึ่ง ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าไปหลบอยู่ที่ไหนมาตั้งนมนาน แต่มนุษย์เพิ่งค้นพบเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2024 นี้เอง เลยตั้งชื่อให้ว่า “2024YR4” 

การที่เพิ่งค้นพบ และดาวมีขนาดเล็กนิดเดียว แต่นักวิทยาศาสตร์ก็มิได้ละเลย เร่งศึกษาอย่างรีบด่วน และพบว่าตามวงโคจรนั้น น้อง 2024 YR4 มีโอกาสที่จะพุ่งเข้าชนโลกในเวลาอีกไม่นานนัก เขาบอกวันที่ไว้ชัดเจนเลยว่า วันที่ 22 ธันวาคม 2032 ครับ

อีก 7 ปี เท่านั้นเอง

รู้ “วันชนโลก” ได้เป๊ะๆขนาดนั้น คุณคงเริ่มเครียดแล้วสิครับ และคำถามคงจะพรั่งพรูออกมาว่า น้องดาวจะมาลงตรงไหน ในมหาสมุทร หรือในเมือง ลงทวีปไหน ประเทศใด แล้วใครจะแจ็คพ็อต ฯลฯ

คุณรู้ไหมว่า ก่อนที่จะพบน้องดาว 2024YR4 นั้น มี “ดาวเคราะห์น้อย” (Asteroid) 5 ดวง ที่นักดาราศาสตร์จับตามองอยู่แล้ว และติดตามมากเป็นพิเศษ เพราะว่าเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ มีโอกาสที่จะพุ่งชนโลกมนุษย์ มากกว่าดวงอื่นๆ

หนึ่งในห้าดวงนั้น ก็คือ ดาวเคราะห์น้อย “Bennu” ที่ผมเคยเล่าให้ฟังในบทความของผม เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2025 นี้เองครับ

พูดถึงเรื่องราวเหล่านี้คุณคงเริ่มนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง “Armageddon” บ้างแล้วใช่ไหมครับ ผมกำลังบอกคุณว่าดาว 5 ดวง ที่นักดาราศาสตร์จับตาอยู่นี้ ไม่ใช่ดาวในภาพยนตร์ฮอลลีวูดครับ แต่เป็นดาวจริงทุกดวง

ถ้า “น้องดาว” เป็นสาวสวย ใครๆก็คงรอลุ้นให้มาใกล้ๆ แต่ถ้าน้องดาวพุ่งตรงมาด้วยความรุนแรง และอานุภาพสูง มีหรือครับที่มนุษย์จะอ้าแขนรับ คงมีแต่ส่งอาวุธไปสกัดเพื่อเปลี่ยนทิศทาง เหมือนที่เห็นในภาพยนตร์นั่นเลย

เราเรียนเรื่อง “บริหารความเสี่ยง” กันมาแล้ว ตำราบอกว่าต้องประเมิน “ความเป็นไปได้” ว่ามีมากเพียงใด (Probability) และถ้าเกิดขึ้นจริง จะเกิดความเสียหายเพียงใด (Impacts)

นาซ่า แถลงข่าวครั้งแรกเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ว่า มีความเป็นไปได้ 1.2% ที่น้อง 2024YR4 จะพุ่งเข้าชนโลก ซึ่งอาจจะฟังดูว่าความเสี่ยงน้อย แต่ถ้าหวยออกมาเบอร์นั้นจริงๆ และน้องเกิดพุ่งไปลงตรงเมืองใหญ่ มีผู้คนเยอะๆ ก็ตัวใครตัวมันเลยนะครับ

เกือบ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ เร่งติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะว่าน้องดาวดวงนี้เราก็เพิ่งรู้จักได้เพียงเดือนกว่าๆเท่านั้นเอง และหลังจากติดตามต่อไปได้เพียงไม่กี่วันนักวิทยาศาสตร์ก็บอกว่าน้องมีโอกาสชนโลก เพิ่มขึ้นเป็น 2.6% แล้ว 

หลังจากนั้น ก็ให้ตัวเลขเพิ่มเป็น 3.1% คราวนี้พวกเราเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัว และหนาวสั่นกันบ้างแล้วสิครับ

โชคดีที่ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันนี้เอง นักวิทยาศาสตร์ประเมินอีกครั้ง แล้วสรุปว่าโอกาสที่ 2024YR4 จะชนโลก เหลือเพียง 0.0017% เท่านั้นเอง เลิกกังวลได้เลย

เฮ้อ โล่งอก แต่คนขี้กังวลบางคน ก็อาจจะยังไม่โล่งอกโล่งใจอยู่ดี เพราะว่ายังมีอีกตั้ง 5 ดวงเดิม ที่นักวิทยาศาสตร์ จับตาอยู่แล้วแบบนี้น้องดาวที่เหลือ จะมาถึงเมื่อไหร่เล่าครับ และจะลงที่ไหน ก็ไม่รู้

แต่ตรงนี้ผมว่าเราสบายใจได้ครับ

เพราะนักวิทยาศาสตร์เขาบอกว่า ทั้งห้าดวงนั้น มีโอกาสที่จะพุ่งชนโลกทุกดวง แต่ความเป็นไปได้มีน้อยเช่น “2007 FT3” จะพุ่งมาถึงโลก ในวันที่ 3 มีนาคม 2030 คืออีกเพียง 5 ปีเท่านั้นเอง แต่โอกาสชนโลกจังๆ มีเพียง 0.0000096% เท่านั้น เป็นต้น

แต่อะไรที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ประสามนุษย์ที่เต็มไปด้วยภูมิปัญญา เราก็ต้องระแวดระวังกันต่อไปครับ

ที่ผมเล่าเรื่อง น้องดาว ในวันนี้ ก็เพียงอยากจะพาคุณให้ “หลุดโลก” ออกไปสักนิดหนึ่งก็ยังดี ไปหาความบันเทิงและความรู้ใหม่ๆ และเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง เพราะบนโลกกลมๆและเบี้ยวนิดๆใบนี้ มีปัญหามากมายเหลือเกิน

มองไปไกลๆก็เห็นทรัมป์ทะเลาะกับเซเลนสกี้ พอมองมาใกล้ๆ ก็เห็นใครต่อใครทะเลาะกันอีนุงตุงนัง ไม่รู้จักจบจักสิ้น

แต่ถ้าคุณอยากเห็นภาพดีๆ ผมว่ารออีกไม่กี่วัน จับตามองให้ดีๆก็น่าจะได้เห็นกันว่า ใครจะประท้วงใคร ซ้ำซากไปมา จนเวลาผ่านไปแบบไม่ได้สาระอันใด ในศึกใหญ่ วันที่ 24 มีนาคม นี้

ที่สภาผู้ทรงเกียรติ ซึ่งสร้างด้วยภาษีของประชาชนครับ