ราคาทองคำระยะสั้นพักฐาน..ระยะยาวมีโอกาสไปต่อไหม

ราคาทองคำระยะสั้นพักฐาน..ระยะยาวมีโอกาสไปต่อไหม

ราคาทองคำเริ่มปรับฐานหลังตลาดมีความหวังความตึงเครียดการค้าคลี่คลายเมื่อทรัมป์ส่งสัญญาณพร้อมเจรจาแรงขายทำกำไรเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อดัชนี RSI ของทองคำเข้าสู่เขต Overbought ซึ่งจุดชนวนให้เกิดแรงขายเชิงเทคนิค และภายในสิ้นเดือน ราคาทองคำได้ปรับตัวลงมาอยู่ในกรอบ 3,320-3,340 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ แต่ยังคงกำไรสะสมตั้งแต่ต้นปีสูงกว่า 25%

ในเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ท่ามกลางภาวะ ผันผวนที่รุนแรง โดยมีแรงขับหนุนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อน โดยระหว่างเดือนราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือระดับ 3,500 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ จากแรงหนุนของสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสูง, ความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อสินทรัพย์การเงินสหรัฐฯ, แรงซื้อจากธนาคารกลาง โดยเฉพาะธนาคารกลางจีน และเม็ดเงินไหลเข้าสู่ ETF ทองคำในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ช่วยหนุนราคาเพิ่มเติม 

ราคาทองคำระยะสั้นพักฐาน..ระยะยาวมีโอกาสไปต่อไหม

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำเริ่มมีการปรับฐานหลังตลาดเริ่มมีความหวังว่าความตึงเครียดทางการค้าจะคลี่คลายเมื่อทรัมป์ส่งสัญญาณพร้อมเจรจาแรงขายทำกำไรเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อ ดัชนี RSI ของทองคำเข้าสู่เขต Overbought ซึ่งจุดชนวนให้เกิดแรงขายเชิงเทคนิค และภายในสิ้นเดือน ราคาทองคำได้ปรับตัวลงมาอยู่ในกรอบ 3,320-3,340 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ แต่ยังคงกำไรสะสมตั้งแต่ต้นปีสูงกว่า 25%

แม้ว่าราคาทองคำจะแข็งแกร่งมากในช่วงที่ผ่านมา แต่เราประเมินว่าตลาดอาจเข้าสู่ช่วงของความผันผวนในระยะสั้นอีกครั้ง จากสัญญาณการคลี่คลายของสงครามการค้า รวมถึงสัญญาณเจรจาจากฝั่งสหรัฐ ฯ ซึ่งลดแรงจูงใจในการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกัน ตัวชี้วัดทางเทคนิคยังบ่งชี้ว่าทองคำอยู่ในภาวะ Overbought โดย RSI รายสัปดาห์ เคลื่อนที่ใกล้ระดับ 80 ซึ่งมักนำไปสู่ภาวะพักฐานหรือแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะหลังจากราคาพุ่งแรง 

นอกจากนี้ แม้สถานะซื้อสุทธิในตลาดฟิวเจอรส์ทองคำจะลดลงจาก 192,687 สัญญา ในปลายเดือนมีนาคม เหลือ 125,722 สัญญา แต่ยังถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมาก ซึ่งสถานะการเก็งกำไรที่สูงนี้อาจเพิ่มแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง ดังที่สะท้อนผ่านการย่อตัวระยะสั้นของราคาหลายครั้งในเดือนเมษายน ที่ระดับประมาณ 7% โดยรวมแล้วปัจจัยเหล่านี้ สะท้อนถึงโอกาสที่ราคาทองคำจะเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมในระยะสั้น และเข้าสู่ช่วงพักฐานตามธรรมชาติหลังจากปรับขึ้นรวดเร็ว

ทีม Wealth Research ของหลักทรัพย์บัวหลวง คงยังมีมุมมองเชิงบวกต่อทองคำในระยะกลางถึงยาว โดยไม่พบสัญญาณที่ตลาดจะเข้าสู่ภาวะตลาดหมีแบบ ปี 2011–2015 โดยถือครองทองคำผ่าน ETF ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแรง โดยมีสัดส่วนเพียง 1.6% ของสินทรัพย์ ETF ทั้งหมดในสหรัฐ ฯ เทียบกับระดับสูงสุด 7.2% ในปี 2011 ซึ่งชี้ว่าตลาดยังห่างไกลจากภาวะฟองสบู่ และยังมีช่องว่าง สำหรับการลงทุน ทั้งจากนักลงทุนรายใหญ่และรายย่อย 

สำหรับ แนวโน้มข้างหน้า ปัจจัยพื้นฐานยังคงสนับสนุนราคาทองคำ แม้สงครามการค้าจะเริ่มผ่อนคลาย แต่ภูมิทัศน์ยังเต็มไปด้วยอัตราภาษีที่สูง ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวยังคงเป็นแรงผลักดันให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ ความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ก็เป็นอีกแรงหนุนที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ของทองคำ ซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ย นอกจากนั้น แรงซื้อจากธนาคารกลางมีแนวโน้มเกิน 1,000 ตัน เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน สะท้อนการกระจายความเสี่ยงของทุนสำรองอย่างมีกลยุทธ์ โดยเฉพาะธนาคารกลางจีนที่ซื้อทองติดต่อกัน 5 เดือน แม้ราคาทองอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ แสดงให้เห็นถึงแรงจูงใจทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลัง 

การลงทุนผ่าน ETF ทองคำก็เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือ ซึ่งยอดการถือครองทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้น 7.6% ตั้งแต่ต้นปีความเคลื่อนไหวนี้ยิ่งตอกย้ำมุมมองว่า ทองคำยังคงอยู่ในจุดที่สามารถได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจโลกปัจจุบันเราปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำในกรณีดีที่สุด ปี 2025 จาก 3,250 ดอลลาร์ เป็น 3,560 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ อย่างไรก็ดีในระยะสั้นเราอาจเห็นการพักฐานจากแรงขายทำกำไร ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ลดสัดส่วนทองคำในพอรต์ลงเล็กน้อยในเดือนนี้ และจะกลับมาซื้อ อีกครั้งหากราคาปรับตัวลง เพื่อเตรียมรับการปรับขึ้นรอบใหม่ในภาพระยะยาว (อ้างอิงข้อมูลจากรายงานการจัดพอร์ตสินทรัพย์และแนวโน้มการลงทุน ประจำเดือนพ.ค. 2568)