ความลับของระบบทุนนิยม

ความลับของระบบทุนนิยม

เดือนต.ค.นี้ ผมได้รับเชิญให้เข้าร่วม TEDxThammasatU ในหัวข้อ "ทุนนิยม" ขณะที่ผมเตรียมบท ได้มีโอกาสหาข้อมูลประกอบในหลายแง่มุม

พบว่าทุนนิยมในปัจจุบันมีประเด็นที่น่าสนใจกว่าการเปรียบเทียบระบบเศรษฐกิจ "ความเข้าใจ” และหาทาง "ประสบความสำเร็จ" บนระบบทุนนิยม เป็นสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงและน่าจะเป็นประโยชน์กับนักอ่านคอลัมน์ "รู้ทันโลกการเงิน" ผมจึงนำแนวคิดมาสรุปให้อ่านไปพร้อมกันด้วย

สำหรับผมการจะประสบความสำเร็จในระบบทุนนิยมในปัจจุบัน ไม่ใช่ต้องมีเงินเยอะ พวกพ้อง หรือโชคดี แต่อยู่ที่ความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ ของเรา 3 ข้อ

เริ่มด้วย "การสะสมทุน"

การมีสินทรัพย์ส่วนตัวเป็นองค์ประกอบหลักของระบบนี้

ทุนนิยมไม่ได้ออกแบบมาให้รอรับ แต่ออกแบบมาให้ตั้งเป้าหมาย ไขว่คว้า และสะสมทุนเก็บไว้เพื่อสร้างโอกาสในอนาคต

สิ่งที่หลายคนไม่ทันระวัง คือทุนนิยมตามมาด้วยหน้าที่ในการเป็น "นักลงทุน" ที่ทุกคนในระบบต้องแบกรับ

สองคือ "การแข่งขัน"

ระบบนี้มีกลไกการให้ผลตอบแทน เพื่อให้สังคมจัดสรรทรัพยากรไปสู่จุดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ทุนนิยมให้คุณค่ากับผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มการแข่งขัน และทุกกิจกรรม ทุกคนจะได้รับทุน มีคุณค่าจากการแข่งขันต่างๆ

ขณะเดียวกัน เราก็มีหน้าที่หาอาชีพ และมีส่วนร่วมกับการแข่งขันไปพร้อมกัน

หน้าที่อย่างที่สามในระบบทุนนิยมคือ "ประเมินมูลค่า"

ทุนนิยมมาพร้อมกับตลาดเสรี ในสังคมนี้ มนุษย์ กิจกรรม ทรัพยากรทุกอย่างจึงต้องประเมินมูลค่าได้อยู่ตลอด

ทรัพยากรอย่างหนึ่ง อาจมีคุณค่า (Value) ใกล้เคียงกัน แต่สามารถมีมูลค่า (Valuation) ที่แตกต่างกันได้อย่างมหาศาล ตามการตีมูลค่าของระบบ

สำหรับผม ที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในระบบทุนนิยม อย่างแรกมาจากไม่ทันคิดว่าการลงทุน แข่งขัน และประเมินมูลค่าเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ

แต่ไม่ใช่ว่าแค่รู้และทำตามหน้าที่แล้วจะสำเร็จ การจัดลำดับและให้ความสำคัญกับแต่ละหน้าที่ คือ "ความลับของทุนนิยม" ที่หลายคนไม่เคยคิดถึง

Investment ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่เป็นแค่กุญแจดอกแรกที่เปิดประตูให้เราได้มีโอกาสเติบโต

ในระบบทุนนิยม การมีเงินเยอะที่สุด ไม่ได้หมายถึงความสำเร็จเสมอไป

เงินทุนจะมีความหมายก็ต่อเมื่อ เราเข้าใจว่าอะไรคือ "การใช้จ่าย" อะไรคือ "การลงทุน"

สำหรับผม การลงทุนที่ดีต้องสร้างโอกาสที่ "ติดตัว" และสามารถทำให้เราเข้าถึงสังคม หรือการแข่งขัน หรือการมีมูลค่าที่สูงขึ้นได้

อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญกว่าการลงทุนก็คือ Competition

ความลับของการแข่งขัน ไม่ได้อยู่ที่ชัยชนะ แต่อยู่ที่การวิเคราะห์สังคมโดยรอบการแข่งขันให้เป็น

ในระบบทุนนิยม ทุกกิจกรรมมีการแข่งขัน ทั้งที่เห็นได้ชัด หรือซ่อนอยู่ในการแข่งขันอื่นๆ 

ตัวอย่างเช่นการแข่งขันกีฬาฟุตบอล

ในอังกฤษ หลายท่านอาจไม่ทราบว่ารายได้ของทีมใน Premier League ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากเป็นแชมป์ หรือค่าตั๋วเข้าชม แต่มาจากค่าถ่ายทอดสด และของที่ระลึก

นอกจากนี้ ข้อมูลของ Statista ยังชี้ว่ารายได้ของทีม Premier League ที่ตกชั้น (ได้สามอันดับสุดท้าย) ในปี 2020 อยู่ที่ 112 ล้านปอนด์โดยเฉลี่ย แทบไม่ต่างกับทีมที่รอดตกชั้นที่เฉลี่ย 141 ล้านปอนด์ ขณะที่ทีมใน Championship มีรายได้เฉลี่ยแค่ราว 20ล้านปอนด์

หมายความว่าในระบบทุนนิยมนี้ แม้รางวัลอาจเป็นสิ่งจูงใจก็จริง แต่แค่วิเคราะห์การแข่งขันให้เป็น หาทางเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแข่งกันที่มีมูลค่าสูง ก็เพิ่มโอกาสให้เราประสบความสำเร็จได้มากขึ้นแล้ว

และแม้การลงทุนและการแข่งขันคือกุญแจสองดอกสำคัญของทุนนิยม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นสำหรับผมคือ Valuation

เมื่อเรากล้าตีมูลค่าทรัพยากรในระบบทุนนิยมแล้ว ก็ต้องกล้าที่จะตีมูลค่าตัวเอง และหาทางไปสู่จุดที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วย

ในระบบทุนนิยม การประเมินมูลค่าในอนาคตนั้นสำคัญที่สุด

เพราะสิ่งที่เรามีหรือเป็นอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่มูลค่าทั้งหมดของเรา

ตัวอย่างในโลกการเงินที่ชัดเจนมีมากมาย เช่นหุ้น

แม้หลายคนจะมองว่าราคาหุ้นมีความสัมพันธ์กับรายได้ แต่แทบไม่มีหุ้นบริษัทไหนที่ราคาซื้อขายใกล้กับรายได้ หรือบางบริษัทไม่มีรายได้ก็มีราคาได้ถ้าตลาดเชื่อว่าจะมีรายได้ในอนาคต

หมายความว่า การที่เรามีเงินเดือน 15,000 บาท หรือ 150,000 บาท สำหรับระบบทุนนิยมนั้นไม่ได้ต่างกันมากอย่างที่หลายคนคิด เพราะมูลค่ามาจากคำตอบว่าอนาคตเราจะทำรายได้ได้อย่างไร

และเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องประเมินตัวเอง ตั้งเป้าหมาย และหาทางเพิ่มมูลค่าตัวเราเองให้ไปถึงจุดนั้นให้ได้

ถึงตรงนี้ผมเชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคงเข้าใจหนทางที่จะอยู่กับทุนนิยมได้ดีขึ้น

ความลับที่จะประสบความสำเร็จในระบบทุนนิยมนั้น ไม่ใช่ต้องมีเงินที่สุด แต่แค่ต้องปรับมุมมอง ให้ความสำคัญกับหน้าที่ในระบบให้เหมาะสม

ยิ่งในอนาคตที่ระบบทุนนิยมเป็นใหญ่ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทกับทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เงินทุนจะลดบทบาทลง ทุนความรู้ ประสบการณ์จะมีค่ามากขึ้น โลกออนไลน์จะเปิดกว้าง การแข่งขันจะเกิดขึ้นได้ในทุกที่ทั่วโลก

ผมเชื่อว่าการพัฒนาเหล่านี้จะยิ่งทำให้คนที่เข้าใจและรู้ความลับของระบบทุนนิยมมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้นครับ