ประชาธิปไตยกำลังถูกทำลายด้วยเทคโนโลยี? |ไสว บุญมา

ประชาธิปไตยกำลังถูกทำลายด้วยเทคโนโลยี? |ไสว บุญมา

ในช่วงนี้มีข่าวใหญ่ในสหรัฐที่อาจมองได้ว่า เทคโนโลยีใหม่กำลังบ่อนทำลายแนวการบริหารบ้านเมืองตามระบอบประชาธิปไตยที่สหรัฐและประเทศจำนวนมากใช้อยู่

 เนื่องจากสหรัฐเป็นมหาอำนาจลำดับต้นของประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตย หากประชาธิปไตยในสหรัฐถูกทำลาย อาจอนุมานได้ว่าประชาธิปไตยที่ใช้อยู่ในประเทศอื่นจะถูกทำลายตามไปด้วย  เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมีทั้งด้านการใช้ทำอาวุธยุทโธปกรณ์และด้านการใช้ในชีวิตประจำวัน

    เป็นที่ทราบกันดีว่าตอนนี้สหรัฐขัดแย้งรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องกับจีนและรัสเซียซึ่งใช้การบริหารบ้านเมืองในแนวตรงข้ามกับระบอบประชาธิปไตย หรือจำพวกรวมอำนาจไว้ในมือของคน ๆ เดียว หรือพรรคการเมืองพรรคเดียว  ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีรายงานว่าเกาหลีเหนือและจีนทดลองอาวุธแบบใหม่ที่สหรัฐอาจยังขาดวิธีป้องกัน นั่นคือ อาวุธที่เดินทางได้เร็วกว่า 5 เท่าของความเร็วของเสียงซึ่งยิงได้จากทั้งใต้น้ำทะเลและจากอวกาศ  

    ก่อนนั้น มีรายงานเรื่องการทดลองอาวุธชนิดเดียวกันของรัสเซียซึ่งดูจะไม่เป็นข่าวใหญ่ที่สร้างความกังวลในสหรัฐมากนักคงเนื่องจากสหรัฐกับรัสเซียมีข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการสร้างอาวุธที่มีอานุภาพสูง  จีนและเกาหลีเหนือไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนั้น  
 

ผู้เชี่ยวชาญคาดกันว่า การทดลองของจีนและเกาหลีเหนือจะกระตุ้นให้สหรัฐเร่งค้นหาอาวุธชนิดใหม่สำหรับใช้ป้องกัน หรือทำลายล้างอาวุธของจีนและเกาหลีเหนือเมื่อมันถูกยิงไปทำลายสหรัฐ  

การทำเช่นนั้นจะเป็นการเดินเข้าสู่กระบวนการของสงครามเย็นรอบใหม่ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาลจากการใช้ทรัพยากรเพื่อแข่งกันสร้างอาวุธและทำสงครามตัวแทนในแนวของสงครามเวียดนาม  สงครามเย็นรอบที่แล้ว ฝ่ายคอมมิวนิสต์นำโดยสหภาพโซเวียตพ่ายแพ้  แต่รอบหน้าสหรัฐมีโอกาสพ่ายแพ้สูงหากจีนและเกาหลีเหนือมีอาวุธใหม่  ถ้าสหรัฐไม่ยอมแพ้ สงครามร้อนจะเกิด? 

    เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ในชีวิตประจำวันซึ่งกำลังถูกใช้ทำลายระบอบประชาธิปไตยในสหรัฐได้แก่สื่อสังคมซึ่งเป็นเวทีเผยแพร่ข่าวสารและสร้างเครือข่ายกันของชาวโลก เช่น เฟซบุ๊คและทวิตเตอร์  ในช่วงนี้มีรายงานจากการรั่วไหลของเอกสารภายในกองใหญ่ของเฟซบุ๊คเสริมด้วยการยืนยันของอดีตพนักงานของบริษัทนั้นว่า คณะผู้บริหารของบริษัทมีส่วนรับผิดชอบ ในการสนับสนุนให้เกิดการเผยแพร่ข่าวเท็จของกระบวนการทำลายระบบการบริหารบ้านเมืองตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐ นำโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เองหลังเขาแพ้เลือกตั้งเมื่อครั้งที่แล้ว 

กระบวนการดังกล่าวเผยแพร่ข้อกล่าวหาเท็จจากปากของนายทรัมป์เองว่าตนถูกโกงการเลือกตั้ง  การกล่าวหาเท็จนั้นนำไปสู่การบุกรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมาซึ่งจบลงด้วยจลาจลที่มีคนเสียชีวิต  ผู้ก่อจลาจลจำนวนมากกำลังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมซึ่งหลายคนรับสารภาพแล้ว  ในขณะนี้รัฐสภากำลังสอบสวนว่านายทรัมป์และพรรคพวกมีบทบาทอย่างไรในการสนับสนุนการก่อจลาจลนั้นซึ่งเป็นองค์ประกอบของกระบวนการยึดอำนาจหลังแพ้การเลือกตั้ง  

    คณะผู้บริหารของเฟซบุ๊คถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรับผิดชอบในกระบวนการยึดอำนาจเพราะรู้ว่าพรรคพวกของนายทรัมป์ใช้เวทีของตนเผยแพร่ข่าวเท็จและนัดแนะว่าจะทำอะไร อย่างไร เมื่อไรโดยไม่ปิดเวทีทั้งที่ห้ามนายทรัมป์ใช้เฟซบุ๊คเผยแพร่ข่าวเท็จและกล่าวร้ายผู้อื่นโดยตรง  

ในขณะนี้รัฐสภากำลังสอบสวนกระบวนการทำงานของบริษัทเฟซบุ๊คและกิจการในเครือซึ่งก่อให้เกิดผลร้ายไม่เฉพาะในด้านที่เพิ่งอ้างถึงเท่านั้น หากยังก่อให้เกิดผลร้ายในแทบทุกด้านของการดำเนินชีวิตประจำวันอีกด้วยเพราะคณะผู้บริหารตั้งหน้าตั้งตาแสวงหากำไรโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายร้ายแรงที่จะตามมา  รัฐสภาคงจะตรากฎหมายควบคุมสื่อสังคมจำพวกเฟซบุ๊ค  แต่ก็สายไปแล้วเนื่องจากวิวัฒนาการของเทคโนโลยีใหม่เป็นไปอย่างรวดเร็ว

    เรื่องราวที่เล่ามานี้มิใช่จะชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีมีแต่ด้านเสียเท่านั้น  ดังที่เราทราบกันดี เทคโนโลยีมีด้านดีสารพัดที่ช่วยให้มนุษย์ส่วนใหญ่ดำเนินชีวิตได้สะดวกขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นด้วย  แต่ต้องการจะชี้ให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า เทคโนโลยีมักมีคำสาปติดมาด้วยเสมอ  คำสาปของมันจะปรากฏออกมาเมื่อมนุษย์เราใช้มันท่ามกลางอวิชชาและ/หรือมีเจตนาร้ายที่นำมันมาใช้เพื่อการทำลายล้างซึ่งกันและกัน.