ภารกิจแก้หนี้ประชาชน: เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด 19 (ตอน 1)

ภารกิจแก้หนี้ประชาชน: เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด 19 (ตอน 1)

บทความนี้จะนำเสนอ ภารกิจแก้หนี้ประชาชน โดยเฉพาะหนี้เช่าซื้อรถยนต์ ที่วิกฤตโควิด 19 ส่งผลให้ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตามกำหนดเวลา

แผลเก่าหนี้ครัวเรือนสูง และแผลใหม่จากวิกฤตโควิด 19

หนี้ครัวเรือนไทยแขวนตัวอยู่สูง (Debt Overhang) สะท้อนครัวเรือนมีเงินออมอยู่ในระดับต่ำสำหรับใช้ในอนาคต และหากระดับครัวเรือนไม่สามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้จะส่งผลให้รัฐต้องเพิ่มสวัสดิการสังคม สร้างภาระทางการคลัง และในที่สุดจะเป็นปัจจัยฉุดรั้งการขยายตัวของการบริโภคและเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า และประสิทธิผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ข้อมูลเครดิตบูโร (National Credit Bureau :NCB) ซึ่งไม่รวมหนี้นอกระบบ หนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ และหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)ฯ ผลการศึกษาสรุปได้ว่า ครัวเรือนไทยมีสุขภาพทางการเงินอ่อนแอลง และมีพฤติกรรมการก่อหนี้ใน 4 ลักษณะคือ หนึ่ง “เป็นหนี้อายุน้อยลง” สอง “มียอดหนี้ต่อหัวสูงขึ้น” สาม “เป็นหนี้นานขึ้น” และสี่ “มีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง” สะท้อนการขาดภูมิคุ้มกันทางการเงินเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต มีข้อสังเกตว่า ครัวเรือนไทยในระดับฐานรากยังพึ่งพาหนี้นอกระบบในระดับสูง และยังมีหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อการอุปโภคบริโภค

ในไตรมาส 1 ปี 64 หนี้ครัวเรือนไทยทั้งระบบเพิ่มขึ้นเป็น 14.13 ล้านล้านบาท (90.5% ต่อ GDP) ส่วนใหญ่เป็นการก่อหนี้ระยะสั้นเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคซึ่งไม่ก่อให้เกิดรายได้ และครัวเรือนแบกรับภาระจ่ายหนี้ผ่อนส่งสูง โดยหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง วิกฤตโควิด 19 ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนประเทศต่างๆ ขยับสูงขึ้น แต่ของไทยเร่งตัวขึ้นมากด้วย ทั้งจากมูลหนี้ที่เพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจที่หดตัวเปรียบเสมือนสร้างบาดแผลใหม่ หรือซ้ำเติมแผลเก่าให้ลึกและกว้างขึ้น

หนี้เช่าซื้อรถยนต์: ปัญหาเดิม และลูกหนี้ถูกซ้ำเติมจากวิกฤตโควิด 19

ณ สิ้นปี 63 “สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์” จำนวน 2.5 ล้านล้านบาท (ภาพ 1) รวม 6.6 ล้านบัญชี โดย 17% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด ประมาณครึ่งหนึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของแบงค์ชาติ (1.2 ล้านล้านบาท) และอีกครึ่งหนึ่งโดยผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-banks) ในด้านคุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อมีความเปราะบางมากขึ้น โดยมีสินเชื่อค้างชำระเกิน 3 เดือนซึ่งเข้าข่ายเป็นหนี้เสีย (NPL) เพิ่มขึ้น ในมิติกฎหมาย สถิติคดีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เข้าสู่ชั้นศาล ในปี 63 8 หมื่นคดี สูงสุดเป็นอันดับที่ 4 หรือ 10% ของคดีผู้บริโภคทั้งหมดที่เข้าสู่ศาล

  162791241597

ในมิติเศรษฐกิจและสังคม วิกฤตโควิด 19 ส่งผลให้รายได้ของครัวเรือนลดลงมาก กระทบปากท้อง ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ใช้ประกอบอาชีพ ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูครอบครัว กลุ่มแรงงานนอกระบบกลุ่มใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มคนขับรถรับจ้างและจักรยานยนต์รับจ้างมีรายได้เฉลี่ยเหลือเพียง 10-40% ซึ่งแรงงานก็ได้ปรับตัวทุกด้านทั้งขอรับเงินเยียวยา ใช้เงินเก็บออม กู้เงินนอกระบบ จำนำและปรับเปลี่ยนอาชีพในภาวะยากลำบากนี้ทำให้ไม่สามารถผ่อนรถต่อไปได้ และบางกรณีอาจถูกยึดรถไปในที่สุด

ภารกิจแก้หนี้เช่าซื้อ: บรรเทาความเดือนร้อน ให้ความรู้และความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้

แบงค์ชาติ (ดูแลสถาบันการเงินและบริษัทเช่าซื้อในเครือ) ร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายคือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) (ดูแลสัญญาเช่าซื้อมาตรฐาน) กรมคุ้มครองสิทธิ กระทรวงยุติธรรม (ดูแลการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง) และสำนักงานศาลยุติธรรม (ดูแลคดีความเช่าซื้อ) ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้
ทั้งการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ หรือให้พักชำระค่างวด สรุปดังนี้
(ภาพ 2)

  162791244712

(1) กลุ่มที่รถยังไม่ถูกยึดทุกสถานะ (กลุ่มที่ยังไม่เป็นหนี้เสีย (NPL) หรือกลุ่มที่เป็น NPL แต่รถยังไม่ถูกยึด) สามารถขอรับความช่วยเหลือตามมาตรการขั้นต่ำเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ระยะที่ 3 และกรณีที่ได้รับผลกระทบสามารถขอพักชำระค่างวดได้ โดยอาจมีการเก็บดอกเบี้ยช่วงพักจากฐานค่างวดที่พัก หากได้รับผลกระทบรุนแรงหรือไม่สามารถผ่อนต่อได้ ก็สามารถคืนรถเพื่อขายทอดตลาดและคำนวณยอดหนี้ส่วนขาด (ติ่งหนี้) ตามวิธีที่เป็นธรรมและผ่อนปรน

(2) กลุ่มที่ถูกยึดรถแล้วแต่ยังไม่ถูกขายทอดตลาด ก็มีโอกาสได้รถคืนเพื่อใช้ประกอบอาชีพ โดยสามารถขอปรับโครงสร้างหนี้และขอผ่อนชำระต่อไป

(3) กลุ่มที่รถถูกขายทอดตลาดแล้ว แต่ยังมีหนี้เช่าซื้อส่วนขาด (ติ่งหนี้) ลูกหนี้จะชำระหนี้ส่วนขาดที่เป็นธรรมตามแนวทางของศาลยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

แบงค์ชาติ หน่วยงานพันธมิตรข้างต้น และผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 12 แห่ง (ส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 65% ของสินเชื่อเช่าซื้อทั้งหมด) ได้ร่วมกันจัด “มหกรรมไกล่เกลี่ยสินเชื่อเช่าซื้อออนไลน์ เปิดลงทะเบียนช่วง 1 มิ.ย.–31 ส.ค. 64”(ไม่รวมรถจักรยานยนต์) ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนค่อนข้างดี ข้อมูล ณ สิ้นเดือน ก.ค. 64 มีลูกหนี้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 24,199 คัน ซึ่งผลการไกล่เกลี่ยสามารถที่ช่วยเหลือลูกหนี้ที่เข้าเงื่อนไขได้ประมาณ 75%

ฉบับหน้าผู้เขียนจะนำเสนอ แนวปฏิบัติในธุรกิจเช่าซื้อในหลายประเด็นที่ยังไม่มีความชัดเจน หรืออาจยังไม่เหมาะสม (Misconduct) เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ประชาชน และร่วมกันนำพาสู่สังคมการเงินยั่งยืนในระยะยาว

หมายเหตุ: ผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของ ธปท. ก็มีแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ หากลูกหนี้ไม่ได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมหรือประสงค์จะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อฝ่ายคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทรศัพท์ 1213 หรือ กรณีเจ้าหนี้เช่าซื้อที่ไม่ได้ร่วมงานในครั้งนี้ ลูกหนี้สามารถส่งคำขอแก้หนี้ผ่าน “ทางด่วนแก้หนี้” ของ ธปท. ได้ด้วย (www.1213.or.th/App/DebtCase)

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

บทความโดย

ดร. เสาวณี จันทะพงษ์

ประภัสสร เพ็งน้อย

สุพิชา พันธเสน

ธนาคารแห่งประเทศไทย