สร้างคนสร้างฝัน: บทเรียนจากแผนการศึกษาแห่งชาติของมาเลเซีย
ประมาณ 30 ปีก่อน ดร.มหาธีร์ มูฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ประกาศวิสัยทัศน์ 2020 ( Wawasan2020) ตอนนั้นมีคนจำนวนไม่น้อยคิดว่า จะเป็นไปได้ไหม
เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ดร.มหาธีร์ มูฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นได้ประกาศวิสัยทัศน์ 2020 หรือ Wawasan 2020 ตอนนั้นมีคนจำนวนไม่น้อยรวมถึงคนมาเลย์เองก็มีคำถามในใจว่า จะเป็นไปได้หรือ แค่ 30 ปีมาเลเซียจะสามารถเดินเชิดหน้าในเวทีเศรษฐกิจโลกได้จริงหรือเปล่า ถ้าใช้เกณฑ์การประเมินระดับสากลมาตอบคำถามก็ต้องบอกว่า ความฝันในวันนั้นได้เป็นจริงแล้วในวันนี้
แม้ 30 ปีก่อนประเทศมาเลเซียจะยังตามหลังเราอยู่หลายก้าว ในวันนี้เรากลับเป็นฝ่ายต้องไล่ตามเขา ผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของ IMD ในปี ค.ศ. 2020 ได้จัดประเทศไทยไว้ในอันดับที่ 29 และจัดประเทศมาเลเซียไว้อันดับที่ 27 การจัดอันดับของ World Economic Forum ในปี ค.ศ. 2019 ได้จัดประเทศไทยไว้ในอันดับที่ 40 ส่วนประเทศมาเลเซียได้อันดับที่ 27 พอมาลงลึกรายละเอียดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของคนพบว่า สำหรับประเทศไทยทักษะของแรงงานอยู่ในอันดับที่ 72 ความสามารถในการสร้างนวัตกรรมอยู่ในอันดับที่ 50 ซึ่งต่างจากมาเลเซียที่ทักษะของแรงงานและความสามารถในการสร้างนวัตกรรมอันดับ 30 อยู่ในอันดับที่ 30 เท่ากัน
หนึ่งในนโยบายหลักที่ทำให้ประเทศมาเลเซียสามารถยกระดับความสามารถในการแข่งขันของตนเองในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา เกิดจากการยกระดับคุณภาพของคนในประเทศ เพื่อเพิ่มระดับทุนมนุษย์โดยรวมให้สูงขึ้นด้วยการพัฒนากำลังคนทุกช่วงชั้นตามแผนการศึกษาแห่งชาติ (The Malaysia Education Blueprint 2013-2025) ที่แบ่งการทำงานไว้ 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 ปี ค.ศ. 2013-2015 เป็นขั้นของการเตรียมความพร้อมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน ด้วยการยกระดับทักษะและขีดความสามารถของครูและบุคลการทางการศึกษาในทุกระดับเพื่อให้สามารถจัดการศึกษาที่มีคุณภาพตามที่กำหนดไว้ได้
ระยะที่ 2 ปี ค.ศ. 2016-2020 เป็นการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารและโครงสร้างแรงจูงใจของบุคลากรด้านการศึกษา โดยมีการพัฒนาโครงสร้างการบริการจัดการศึกษาในระดับประเทศ ระดับรัฐ และระดับพื้นที่ให้เหมาะสม มีการปรับโครงสร้างค่าตอบแทนแก่บุคลากร ควบคู่ไปกับการนำหลักสูตรใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับบริบทของโลกมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ โดยเน้นไปที่องค์ความรู้ด้านวิชาการ ทักษะ และคุณค่าจำเป็นต่อการประสบความสำเร็จในเศรษฐกิจโลก มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาด้วยเครื่องมือระดับสากลเพื่อให้สามารถประเมินคุณภาพของผู้เรียนเทียบกับประเทศอื่นได้
ระยะที่ 3 ปี ค.ศ. 2021-2025 การยกระดับคุณภาพการศึกษาไปสู่ความยอดเยี่ยม เมื่อบุคลากรทางการศึกษามีความพร้อมและมีขีดความสามารถสูงข้อกำหนดขั้นต่ำแล้ว ก็จะเปิดโอกาสให้สถานศึกษามีอิสระในการบริหารจัดการตนเอง มีการสร้างคุณค่าที่เหมาะสมกับสถานศึกษา และส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมด้านการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงกลายเป็นวัฒนธรรมในการจัดการเรียนรู้ ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนากำลังคนที่ยั่งยืน
หลักสำคัญของการจัดการเรียนรู้คือการประเมินความสำเร็จของผู้เรียนด้วยเกณฑ์ระดับสากล ยกตัวอย่างเช่น เป้าหมายที่จะให้คนมาเลเซียสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีใกล้เคียงกับภาษามาลายู การสอบภาษาอังกฤษจะใช้เกณฑ์มาตรฐานของเคมบริดจ์ หรือ Cambridge 1119 standards มาเป็นตัวประเมินผลสำเร็จ เป็นต้น
นอกจากนี้แล้ว แผนการศึกษาแห่งชาติยังสอดรับกับแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 11 ที่กำหนดให้การศึกษาระดับอาชีวศึกษาเป็นวาระสำคัญของการพัฒนากำลังคน เพราะเป็นแรงงานกลุ่มสำคัญที่จะช่วยยกระดับผลิตภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เพิ่มขึ้นได้เร็วที่สุด โดยนโยบายที่สนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าวมีดังนี้
- ยกระดับการบริหารจัดการสถานศึกษาให้ดีขึ้น เพื่อให้การใช้บุคลากรและทรัพยากรทางการศึกษามีเหมาะสม มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียน
- ปรับปรุงหลักสูตรของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งรวมไปถึงการจัดสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ให้ใกล้เคียงหรือล้ำหน้ากว่าโลกของงานในสาขานั้น ๆ ทำให้ผู้เรียนจบสามารถทำงานได้ทันที
- พัฒนาภาพลักษณ์ของการศึกษาระดับอาชีวศึกษาให้มีความทันสมัยน่าดึงดูดใจ รวมถึงส่งเสริมให้สถานศึกษาระดับอาชีวศึกษาของเอกชนมีบทบาทในการพัฒนากำลังคนของประเทศมากขึ้น
สำหรับผู้ที่อยู่ในตลาดแรงงาน มีการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตจากช่องทางต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับแรงงานแต่ละคน เช่น การเรียนหลักสูตรออนไลน์ การเรียนหลักสูตรระยะสั้นจากศูนย์การเรียนรู้ต่อเนื่อง (Center for Continuing Education) จากสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษาและมหาวิทยาลัย
จริงอยู่ที่การเดินตามแผนการศึกษาแห่งชาติของมาเลเซียไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกอย่าง ต้องมีการปรับโน่นแก้นี่อยู่ตลอด แต่อย่างน้อยหากมองแนวโน้มในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขัน หรือจำนวนมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับสูง ๆ ในการจัดอันดับระดับสากลล้วนแต่เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า แม้วันนี้มาเลเซียไม่ได้ไปถึงเป้าหมายในฝัน อย่างน้อยพวกเขาสู้หน้าทุกคนได้ในเวทีโลกอย่างสง่างาม