ปลดปล่อยประเทศจาก 'ความคิดเก่า'

ปลดปล่อยประเทศจาก 'ความคิดเก่า'

ให้รู้จัก 'หาความจริงจากข้อเท็จจริง' (Seek Truth from Facts)

ในฐานะนักลงทุนแนววีไอที่ชอบศึกษาประวัติศาสตร์ หนึ่งในบุคคลสำคัญคนหนึ่งซึ่งผมชื่นชอบที่สุด คือ 'เติ้งเสี่ยวผิง'

เติ้งเสี่ยวผิง คือผู้นำคนสำคัญแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการทำให้แผ่นดินมังกรก้าวกระโดดสู่การเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเช่นทุกวันนี้

'เติ้ง' กล่าวไว้ประโยคหนึ่งว่า นโยบายที่เหมาะสมกับจีนคือการ 'ปลดปล่อยความคิดเก่า ยึดเอาแต่ความจริง' กล่าวคือ ต้องกล้าที่จะหลุดออกจากกรอบเดิมๆ อย่าเอาแต่ยึดติดกับของเก่า

อะไรที่เคยถูกต้อง เคยเป็นสิ่งดีงามในอดีต วันนี้อาจไม่เหมาะสมอีกต่อไปแล้ว

วลีหนึ่งของ 'มังกรเติ้ง' ที่ผมชอบมากก็คือ ให้รู้จัก 'หาความจริงจากข้อเท็จจริง' (Seek Truth from Facts) โดยเติ้งไม่เห็นด้วยกับการปฏิเสธแนวทางใหม่ๆ หรือปฏิเสธนโยบายทางเศรษฐกิจใดๆ เพียงเพราะมัน 'ไม่เป็นไปตามแนวทางของเหมา'

วิสัยทัศน์ของ 'มังกรเติ้ง' ที่ปรากฏตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 คือ จีนจักหลบซุ่มอยู่หลังม่านไม้ไผ่ต่อไปไม่ได้อีก แต่ต้องเปิดประเทศออกคบค้ากับทั่วโลก

เติ้งบอกว่า 'สังคมนิยม' ไม่ได้หมายถึงการ 'แบ่งกันจน'

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่เคยปิดประตูใส่แนวคิดดีๆ ที่จะทำให้ชาติจีนมั่งคั่ง ประชาชนกินดีอยู่ดี ไม่ต้องอดอยากปากแห้งเหมือนสมัยอดีต แม้แนวคิดบางอย่างจะมาจากชาติที่เป็นทุนนิยมสุดขั้วก็ตาม

อันเป็นที่มาของวรรคทองอมตะ 'จะเป็นแมวสีดำหรือขาวไม่สำคัญ ขอให้จับหนูได้ก็พอ!!'

บทเรียนจาก 'มังกรเติ้ง' สอนเราว่า การจะปกครองประเทศด้วยระบอบอะไรก็ตาม ต้องอย่ายึดติดกับสิ่งเดิมๆ การไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเพราะกลัว 'ของเก่า' จะถูกทำลาย แทนที่จะรักษามันไว้ได้ สุดท้ายกลับต้องพังพาบลงอยู่ดีเพราะไม่อาจฝืนกระแสโลก ส่วนสิ่งดีๆ ใหม่ๆ ที่ควรจะเกิดขึ้นก็ไม่เกิด เพราะถูกอำนาจเก่ากดทับไว้

การมุ่งทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี ให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ จึงไม่ใช่ 'สิ่งเลวร้าย' แต่เป็น 'ความดีงาม'

ปัญหาก็คือ ผู้ที่มีความกล้าหาญพอที่จะลุกขึ้นมาทำมัน ย่อมโดนต่อต้านอย่างถึงที่สุดในทุกวิถีทาง แต่หากเขาคนนั้นทำสำเร็จ ประเทศก็จะเจริญก้าวหน้าขึ้นมาได้


ทว่าหากพลาดพลั้งพ่ายแพ้ ก็ต้องรอผู้กล้าคนต่อไป ให้ลุกขึ้นมาปลดปล่อยประเทศจาก 'ความคิดเก่า' อีกครั้ง เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด