เครือข่ายสังคมยิ่งใช้มาก อารมณ์ยิ่งแปรปรวน

เครือข่ายสังคมยิ่งใช้มาก อารมณ์ยิ่งแปรปรวน

อาจดูไม่น่าเชื่อที่งานวิจัยบอกว่า คนที่ใช้แอปเครือข่ายสังคมวันละหลายๆ ชั่วโมง มีโอกาสเกิดอาการทางอารมณ์ในทางที่ไม่ดี

ตั้งแต่รู้สึกเหงา หงุดหงิด ไปจนกระทั่งซึมเศร้าได้มากกว่าคนที่ใช้บ้าง ไม่ใช้บ้าง ใครก็ตามที่วันๆ เอาแต่นั่งเปิดสารพัดแอปเครือข่ายสังคม อ่านที่คนนั้นว่าอย่างนั้น คนนี้ว่าอย่างนี้ โดยที่ส่วนใหญ่ ตัวเองไม่ได้ให้ความคิดความเห็นใดๆ ฟังคนอื่นเขาว่าอย่างเดียว ให้ลองสังเกตตนเองดูว่า อยู่ๆ ก็หงุดหงิด โกรธคนนั้นคนนี้้ โดยไม่มีเหตุอันควรบ่อยครั้งแค่ไหน สังเกตว่าเกิดอาการน้อยอกน้อยใจโดยไม่น่าจะเป็นบ้างหรือไม่ ถ้าสังเกตตนเองแล้วบอกว่าฉันไม่เคยมีอาการที่บอกมานี้เลย ก็อย่าเพิ่งวางใจ ให้ลองถามคนใกล้ชิดดูว่าช่วงนี้ฉันอาละวาดใครต่อใคร ฉันออกอาการสุดขั้วใด ๆ อย่างที่ไม่ค่อยจะเจอมาก่อนบ้างหรือไม่ ถามแล้วถ้าได้คำตอบว่าใช่เลย

เครือข่ายสังคมทำให้เราติดต่อ ติดตามคนอื่นได้อย่างกว้างขวาง ถ้าจำกัดวงอยู่เฉพาะเพื่อนฝูง ญาติมิตร ติดตามว่าใครทำอะไร อยู่ที่ไหน เป็นอย่างไรกันบ้าง ข้อมูลและสาระที่ได้จากเครือข่ายสังคมไม่น่าจะสร้างอาการทางอารมณ์ที่แปรปรวนได้มากนัก แต่ส่วนใหญ่แล้ว เราติดตามความเคลื่อนไหว ของคนสารพัดกลุ่ม นอกเหนือไปจากญาติมิตร เพื่อนฝูงที่รู้จักคุนเคยกัน ดังนั้น เมื่อคบค้ากันทางเครือข่ายสังคมอย่างมากหน้าหลายตา ข้อมูลสาระที่ได้จึงหลากหลายอย่างไร้ขอบเขต ถ้าไม่ได้เตรียมใจไว้อย่างดีเพียงพอ อ่านแอปมาก ผลกระทบทางอารมณ์ก็มากตามไปด้วย อ่านเรื่องน่าเสียใจของใครก็ไม่ทราบ เลยเสียใจตามไปด้วย มากบ้างน้อยบ้าง อ่านเรื่องสุขของใครบางคน แล้วมาย้อนดูตนเองว่า ฉันทำไมไม่สุขเท่าเขา อารมณ์เปลี่ยนไปมาตามข้อมูลสาระที่ได้จากแอปเครือข่ายสังคม ทำบ่อย ๆจนเกิดอารมณ์แปรปรวนเป็นประจำ อาจเลยไปถึงอาการทางอารมณ์ในทางลบต่าง ๆนาๆ เดี่ยวน้อยใจ เดี่ยวเหงา เดี่ยวหงุดหงิด ทั้ง ๆที่ไม่ได้มีเหตุการณ์อันใดมากระทบ ในโลกจริงทุกอย่างเป็นปกติ แต่ในเครือข่ายสังคม โลกจะแตก จากข้อมูลสาระที่ต่างคนต่างโฟสขึ้นมา

ถ้าพบว่าเกิดอาการทางอารมณ์ในทางลบ จากการติดตามข้อมูลสาระจากแอปเครือข่ายสังคม จนปรากฎให้คนใกล้ชิดสังเกตเห็นแล้ว คงต้องหาทางลดอาการนี้ลงได้แล้ว ที่ทำได้ทันที แต่ทำได้ยากคือ จำกัดเวลาในการใช้แอปเครือข่ายสังคม ลดจากวันละหลายชั่วโมง เหลือสักครึ่งชั่วโมง ซึ่งมีผลงานวิจัยยืนยันว่า กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยที่จำกัดการใช้งานแอปเครือข่ายสังคมเหลือวันละประมาณครึ่งชั่วโมง พบว่ามีอาการอารมณ์ทางลบน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

แต่จะลดเวลาใช้งานลงได้นั้นไม่ได้ทำได้ง่าย ๆ เหมือนเสพติดไปแล้ว เลิกลดไม่ง่าย ให้พยายามมีการโต้ตอบอะไรไปบ้าง แทนที่จะอ่านอย่างเดียว มาเป็นอ่านแล้วกดไลท์ เขียนคอมเมนท์ เพิ่มขึ้นบ้าง จะช่วยลดความแปรปรวนทางอารมณ์ได้ เพราะจะไลท์ จะคอมเมนต์ได้นั้น เราต้องคิด ต้องทบทวน ไม่ใช่ปล่อยให้อารมณ์ล่องลอยไปตามสาระที่ได้จากเครือข่ายสังคมเพียงอย่างเดียว พยายามให้ตัวเราได้คิดตึกตรองสาระที่ได้เป็นระยะๆ เพื่อรักษาไม่ให้อารมณ์แปรปรวนไปตามสาระที่ได้มากเกินไป อีกทางหนึ่งที่ช่วยได้คือ ปิดการแจ้งเตือนข้อความใหม่ ๆ จากแอปเครือข่ายสังคม เพื่อลดการกระตุ้นให้เรามีอารมณ์แปรปรวนทุกครั้งที่มีการแจ้งเตือน หรือถ้าใจแข็งพอ ให้กำหนดเลยว่าจะเปิดแอปในช่วงเวลาใดบ้าง เช่น ไม่เปิดแอปขณะร่วมวงสนทนากับคนอื่น อย่าคุยไปเปิดแอปไป หลายคนชอบใช้แอปเป็นเกราะกำบังในวงสนทนา ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรเลยเปิดแอปอ่าน ตั้งวงกัน 5- 6 คน ต่างคนต่างเปิดแอป จนไม่รู้ว่าจะมาเจอะเจอกันทำไม พยายามเอาชนะตนเองให้ใช้ความสามารถมากขึ้นในการเข้าสังคมในโลกที่เป็นจริง ทดแทนการซ่อนตัวจากโลกจริง เพื่อไปจริงจังในโลกเครือข่ายสังคม อย่าคุยเก่งบนแอป แต่เงียบสนิทท่ามกลางวงสนทนาในโลกจริงเด็ดขาด

อารมณ์แปรปรวนไม่ดีต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของตัวเราเอง ดังนั้นอย่าหาเรื่องไม่ดีเข้าตัว จากหน้าจอแอปเครือข่ายสังคมมากเกินไป ทุกวันนี้ไปไหนมาไหนก็ได้เรื่องไม่ดีต่อสุขภาพจิตมากพอแล้ว