ช็อคโกแลต

 ช็อคโกแลต

ช่วงเทศกาลวันหยุดคริสต์มาสและปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่ช็อคโกแลตขายดี โดยเฉพาะในเมืองหนาว ในสัปดาห์นี้จึงอยากเขียนถึงช็อคโกแลตและผู้ผลิตช็อคโกแลต

 รายใหญ่ของโลก

ท่านอาจจะพอเดาประเทศที่ตั้งได้ว่าน่าจะเป็นสวิตเซอร์แลนด์ ใช่ค่ะ สัปดาห์นี้จะเขียนถึงบริษัทช็อคโกแลตเก่าแก่อายุถึง 171 ปี ชื่อ Lindt & Sprüngli  ลินด์ท แอนด์ ชปรุงลี ซึ่งดิฉันจะขอเรียกชื่อย่อว่า “ลินด์ท”

ลินด์ท ก่อตั้งในปี 1845 หรือ พ.ศ. 2388 ในเมืองซูริค โดยพ่อลูก สกุล “ชปรุงลี” คือ เดวิดและรูดอล์ฟ ได้เปิดร้านขายช็อคโกแลต ในเขตเมืองเก่าของซูริค และเริ่มทำช็อคโกแลตแท่งเป็นแห่งแรกในเขตสวิสเยอรมัน (เข้าใจว่าในเขตสวิสฝรั่งเศสมีร้านทำช็อคโกแลตแท่งอยู่ก่อนแล้ว) และก็ขายดี จึงขยายไปเปิดเป็นโรงงานทางตอนเหนือของทะเลสาบซูริค

ก่อนเกษียณ คุณรูดอล์ฟ ได้แบ่งธุรกิจให้ลูกชายสองคน โดย เดวิด โรเบิร์ต คนน้องได้รับร้านขนมไปสองร้าน ส่วนโจฮันน์ รูดอล์ฟ คนพี่ ได้รับโรงงาน และคนพี่ก็ย้ายโรงงานไปที่ใหญ่ขึ้น คือเมืองคิลช์เบอร์ก (Kilchberg)แต่ก็ยังคงอยู่ในบริเวณทะเลสาบซูริค และเนื่องจากต้องใช้เงินในการขยายโรงงานจำนวนมาก จึงระดมทุนจากประชาชน และนำหุ้นของบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ชื่อ “Chocolat Sprüngli AG”

ขณะเดียวกันนั้น รูดอล์ฟ ลินด์ท ก็เสนอขายโรงงานช็อคโกแลตชื่อดังของเมืองเบิร์น บริษัทชปรุงลี จึงได้ทั้งโรงงาน และเคล็ดลับการปรุงช็อคโกแลต และเปลี่ยนชื่อแปลออกมาได้ประมาณว่า “บริษัทร่วมผลิตช็อคโกแลต ของเบิร์น และซูริค ลินด์ท และ ชปรุงลี จำกัด (มหาชน)”

เคล็ดลับของ รูดอล์ฟ ลินด์ท ทำให้สามารถทำช็อคโกแลตเหลวที่มีรสชาดอร่อยและคุณภาพที่ดี และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในเรื่องช็อคโกแลต

เมื่อเลิกทำและขายกิจการให้กับ ครอบครัว ชปรุงลี แล้ว ญาติของรูดอล์ฟสองคนก็ไปเปิดโรงงานผลิตช็อคโกแลต ทำให้ผิดข้อตกลงที่ทำตอนขายบริษัท เกิดการฟ้องร้องเสียทั้งเงินและเสียความรู้สึกกันยาวนาน จนในที่สุด บริษัทที่เปิดใหม่ต้องปิดตัวไป

ธุรกิจมีการขยายออกไปกว้างขวาง และมีการส่งออกไปยังต่างประเทศถึง สามในสี่ของผลผลิตทั้งหมด แต่เมื่อเกิดสงครามโลกก็เกิดการกีดกันทางการค้า และมีการจำกัดการนำเข้าน้ำตาลและโกโก้ หลังสงครามจึงเกิดการขายดิบขายดีและมีการเปิดสาขา และเปิดบริษัทลูกในต่างประเทศ เช่นในเยอรมนี เริ่มจากการร่วมทุน และในภายหลังก็ซื้อหุ้นทั้งหมด การขยายไปยังต่างประเทศหลักๆ เกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1980 คือในช่วงปี 2529 ถึง 2537 นี่เองค่ะ

ปัจจุบันคนในครอบครัว ชปรุงลี ที่ยังเป็นกรรมการอยู่คือ ดร.รูดอล์ฟ เค. ชปรุงลี ซึ่งจบปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมช็อคโกแลต ปัจจุบันไม่ได้ทำงานประจำอยู่ในบริษัทแล้ว แต่เปิดบริษัทที่ปรึกษาของตนเองค่ะ

ท่านอาจจะพอจำได้เลาๆว่า ในช่วงปี 2546-7 มีการกล่าวถึงโกโก้ว่าเป็นโกโก้เลือด เพราะโกโก้กลายเป็นสินค้าที่เป็นแหล่งเงินในการทำสงครามกลางเมืองในประเทศ ไอเวอรีโคสต์ ซึ่งอยู่อัฟริกาตะวันตก และยังใช้แรงงานเด็กมาเก็บโกโก้อีกด้วย ทำให้คนกลุ่มหนึ่งบอยคอต ไม่กินช็อคโกแลตและโกโก้ จึงมีการกล่าวขวัญถึงเหตุการณ์นั้นว่าเป็น โกโก้เลือด (Blood Cocao) เหมือนที่ก่อนหน้านั้น เกิด เพชรเลือด(Blood Diamond) ในเซียร่า ลีโอน และ ไม้ซุงเลือด (Blood Timber) ในไลบีเรีย

ลินด์ท ได้ตั้งเป้าหมายและถือเป็นคำมั่นว่า ภายในปี 2559 นี้ จะใช้โกโก้ที่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าตลอดโซ่อุปทานการผลิต ไม่ได้ใช้แรงงานเด็ก ไม่ได้นำเงินไปใช้ในการก่อสงคราม และผลิตโดยคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยโกโก้ของลินด์ททั้งหมดในปัจจุบัน ผลิตจากประเทศกาน่า ซึ่งอยู่ติดกับไอเวอรีโคสต์

นอกจากนี้ยังมีมูลนิธิโกโก้ของลินด์ท ซึ่งคอยดูแลพัฒนาคุณภาพชีวิต ของชาวไร่ผู้ผลิตโกโก้ส่งให้บริษัทอีกด้วย

ปัจจุบัน บริษัท ลินด์ท แอนด์ ชปรุงลี มีพนักงาน 13,000 คน มีบริษัทลูกและสาขา 24 แห่ง ดูแลโรงงานในยุโรปและสหรัฐอเมริกา 12 แห่ง มีร้านของตัวเองมากกว่า 300 แห่ง และมีผู้จัดจำหน่ายสินค้าอิสระมากกว่า 100 บริษัท

บริษัทมีรายได้ในปี 2558 เท่ากับ 3,650 ล้านฟรังก์ กำไร 381 ล้านฟรังก์ หุ้นของลินด์ท จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สวิส (SIX) ใช้ชื่อย่อว่า LISN ราคาซื้อขายที่ปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม คือ 61,215 สวิสฟรังก์ (อย่าตกใจนะคะ ขั้นต่ำในการซื้อขายคือ 1 หุ้นค่ะ) จำนวนหุ้นทั้งหมดมีไม่มากคือมีเพียง 136,088 หุ้นเท่านั้น และมีหุ้นบุริมสิทธิ์อีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีการเพิ่มทุนและเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้น ดิฉันไม่มีข้อมูลพอที่จะคำนวณ market capitalization ได้ ค่า P/E, P/B จึงต้องอาศัยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์

สวิสค่ะ

ในหกเดือนแรกของปี 2559 บริษัทมียอดขาย 1,501.5 ล้านฟรังก์ เติบโตเพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับหกเดือนแรกของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 72.2 ล้านฟรังก์ เพิ่มขึ้น 11.1% จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์สวิส หุ้นของบริษัทมีค่า P/E 37.62 เท่า และมีราคาเป็น 4.05 เท่าของมูลค่าทางบัญชี

บริษัทเพิ่งมีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารเมื่อเดือนตุลาคม โดยได้แต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่การเงินหรือ CFO เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) คนใหม่ และ CEO เดิม ขึ้นไปเป็นประธานกรรมการบริหาร (Executive Chairman)

ขอให้ท่านมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง สมปรารถนาในทุกสิ่งตลอดปี 2560 และตลอดไปค่ะ

หมายเหตุ: การลงทุนมีความเสี่ยง บทความนี้เป็นกรณีศึกษา มิได้ประสงค์จะชี้ชวนให้ลงทุนหรือไม่ลงทุนในบริษัทดังกล่าวแต่อย่างใด