Tokyo Tech : เมื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำ

Tokyo Tech : เมื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำ

ต้องลงมือปฏิรูปการเรียนการสอนครั้งใหญ่

อธิการบดีของมหาวิทยาลัย Tokyo Institute of Technology (Tokyo Tech) คุณโยชินาโอะ มิชิมา (Yoshinao Mishima) มาเยือนไทยเมื่อเร็วๆ นี้ เล่าถึงการปฏิรูปการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยดังแห่งนี้ ทำให้เห็นภาพว่าแม้สถาบันการศึกษาเก่าแก่ ที่มีชื่อเสียงมาช้านานก็ไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้

เพราะนิยามของคำว่า การศึกษาระดับอุดมศึกษา ได้เปลี่ยนไปแล้วโดยสิ้นเชิง ใครไม่ปรับก็รอพับฐานได้

เพราะความสำเร็จในอดีตไม่ใช่คำรับรองความสำเร็จในอนาคตอีกต่อไป

ภาพนี้จะเห็นศิษย์เก่าของ Tokyo Tech ในเมืองไทยที่มีผลงานโดดเด่นในสังคมไทย ที่มาร่วมงานระดมสมองเรื่องรัฐบาลญี่ปุ่นช่วยให้ประเทศไทยเป็น ฮับ ของการเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ของอาเซียน...เช่น ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร (วิศวฯเคมี) อดีตผู้ว่า ปตท. และ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ (วิศวฯคอมพิวเตอร์) ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทยหรือ TDRI

คนไทยที่จบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีทั้งหมดที่เป็นสมาคมศิษย์เก่าโตเกียวเทค มีประมาณกว่าร้อยคน ที่รวมตัวกันเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยในประเทศไทยหลายแห่งเป็น Japan-Thailand Science & Technology Leaders Network หรือเครือข่ายผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น

ดร.ไพรินทร์ เป็นแกนสำคัญในการผลักดันให้ ปตท. ตั้ง โรงเรียนกำเนิดวิทย์ และ สถาบันวิทยสิริเมธี ที่ระยองเพื่อสร้างมันสมองคนไทยรุ่นใหม่ให้ทำวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับ “แนวหน้า” หรือ frontier research ที่เน้นนำผลงานในภาคปฏิบัติ

อาจารย์มิชิมา บอกผมว่า Tokyo Tech จะดำรงความเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำได้ต้องปรับตัวอย่างมาก และเมื่อตั้งเป้าว่าจะต้องเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย 1 ใน 10 สุดยอดของโลกภายในปี 2030 ก็ต้องเร่งปรับทั้งหลักสูตร วิธีการเรียนการสอนและบรรยากาศของสังคมอุดมปัญญาอย่างเร่งร้อนและจริงจัง

สิ่งแรกที่เปลี่ยนเริ่มต้นปีการศึกษา 2016 (ครบรอบการก่อตั้ง 135 ปี) คือการผสมผสานการเรียนการสอน ระดับปริญญาตรีกับปริญญาโทเข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถผลิตนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรระดับโลก และเมื่อจบปริญญาเอกแล้วก็จะสามารถสร้างผลงานวิจัยที่อยู่อันดับต้น ๆ ของโลก

เป้าหมายของเขาจึงไม่ใช่เก่งที่สุดเฉพาะในญี่ปุ่นหรือเอเชีย หากแต่ต้องเป็นแถวหน้าในโลกหรือที่เรียกว่า world-class กันทีเดียว

ขณะที่ไทยเรายังป้วนเปี้ยนอยู่ในบ้าน หรือเมื่อเทียบกับอาเซียนอื่นก็เริ่มจะถูกเพื่อนบ้านแซงหน้าจนเราถดถอยไปอยู่อันดับท้าย ๆ โดยที่ยังไม่เห็นความพยายามที่จะปฏิรูปกันอย่างจริงจัง

ท่านอธิการโตเกียวเทคบอกว่าการปฏิรูปครั้งนี้ จะเปลี่ยนโฉมหน้าทั้งหลักสูตรและวิธีการสอน และเปิดกว้างให้ทุกวิชาที่สอนไปทั่วโลก

“เป้าหมายสำคัญคือยกระดับมาตรฐานของเรา ถึงจุดที่สามารถจะโอนเครดิตการเรียนของนักศึกษา ไปยังมหาวิทยาลัยระดับโลกทั้งหมดได้โดยไม่มีปัญหาการยอมรับอีกต่อไป” อ. มิชิมาบอก

นั่นย่อมหมายถึงการสร้างเสริมให้ Tokyo Tech เป็น ศูนย์กลางแห่งการวิจัยและเรียนรู้ในระดับโลก เปิดให้นักศึกษาและนักวิจัยจากทุกประเทศมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และทำงานวิจัยที่นี่ได้อย่างคล่องแคล่ว

เราจะเชิญเจ้าของรางวัลโนเบลมาเล็คเชอร์ และแลกเปลี่ยนกับอาจารย์และนักศึกษาของเรา เพื่อสร้างบรรยากาศให้เป็นแคมปัสสากลอย่างแท้จริง อธิการฯมิชิมาย้ำ

การผลิตนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรชั้นนำ ย่อมจะต้องมาพร้อมทักษะในความเป็นผู้นำและสื่อสาร อีกทั้งสร้างเสริมความริเริ่ม เพื่อให้ความรู้ความสามารถของตนเป็นประโยชน์สูงสุดกับสังคม ที่กำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในทุก ๆ มิติ

อ.มิชิมา เล่าให้ฟังถึงการปฏิรูปของมหาวิทยาลัยแห่งนี้เสร็จบนเวที ลงมานั่งติดกับผม ผมถามว่าท่านเจออุปสรรคอะไรใหญ่หลวงที่สุดในการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่

ท่านกระซิบผม

อุปสรรคใหญ่ที่สุดคือแรงต่อต้านและแรงเฉื่อยของบรรดาอาจารย์ทั้งหลายนั่นแหละ

ว่าแล้วท่านกับผมก็หัวเราะออกมาพร้อม ๆ กันโดยไม่ได้นัดหมาย

ท่านอาจคิดถึงมหาวิทยาลัยของท่าน แต่ผมคิดถึงมหาวิทยาลัยของไทย