จับไม่ได้...ไล่ไม่ทัน !!?

วันที่ผ่านมาไม่มีข่าวอะไร “ร้อน” ไปกว่ากรณีดีเอสไอ
นำโดยรองอธิบดี พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล นำหมายค้นเข้า “จับกุม” พระเทพญาณมหามุนี ศรีธรรมโกศล โสภณภาวนานุสิฐ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย)... ที่สุดท้ายก็ไม่สามารถเข้าถึงตัวได้ตามคาด แม้ทางวัดจะ“ทำที”เปิดประตูให้เข้าค้นตามหมาย แต่ก็ดูเหมือนเป็นไปเพียงเพื่อไม่ให้“ขัดหมายศาล”
000 เพราะสุดท้าย พระสนิทวงษ์ วุฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดธรรมกาย ก็อ้าง“จนใจ”ไม่สามารถเคลียร์พื้นที่เปิดทางให้ได้ เพราะบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่มาด้วยความรักและห่วงใยในตัวหลวงพ่อ พากันห่มขาวตั้งแถวกีดขวางขวางและไม่ยอมเปิดทาง
000 แบบเดียวกับกรณีที่เคยอ้างจะออกมา“มอบตัว”ที่สภ.คลองหลวง เมื่อครบกำหนดผ่อนผันครั้งก่อน แต่ก็ให้บังเอิญมีเหตุให้อาพาธกระทันหัน หน้ามืดเวียนหัว บ้านหมุน (อาจหมายถึงวัดหมุน)... เป็นความพยายามสื่อสารกับ “โลกภายนอก” ว่ามีเจตนาทำตามกฎหมาย แต่จนใจด้วยข้อจำกัดของสังขาร
000 แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่ปรากฏว่ามีการแสดงเจตนา ที่จะขอเข้าสู่กระบวนการบ้านเมืองอีก... แม้แต่ข้อเรียกร้องที่ลูกศิษย์เดินทางไปยื่นหนังสือถึง นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ขอให้แพทยสภาตั้งแพทย์ที่เป็นกลางเข้ามาตรวจอาการป่วย สุดท้ายก็ยังมีข้ออ้างสารพัด และยิ่งกลายเป็นข้อครหาหนาหูถึงความ“บิดพลิ้ว”
000 ขณะที่บนโลกโซเชียล... ก็เริ่มน่าเป็นห่วงเพราะกลายเป็นพื้นที่ “ทะเลาะเบาะแว้ง” ของคนที่มีความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่ายในเรื่องนี้ ที่ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมีฐานเดิมจากความขัดแย้งทางการเมืองในอดีต และที่สำคัญเป็นการ “ก่อตัว” แบบเดียวกับจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งในบ้านเมือง
000 จากการให้ข้อมูลในเชิงบิดเบือน ปลุกระดม สร้างความเกลียดชัง... สะท้อนจากความคิดเห็นของผู้ที่โพสต์ข้อความบนสื่อต่างๆ แสดงให้เห็นชัดว่าขาดความรู้ความเข้าใจที่แท้จริงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น... และยืนอยู่บนชุดความคิดเดียวกันว่า"รัฐบาลกำลังรังแกพระชรา”
000 ซ้ำร้ายยังมีข่าวลือโดยเฉพาะในภาคอีสาน ที่มีการ “ปล่อยข่าว” แอบอ้างเชื่อมโยงไปถึง องคมนตรี ที่เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็น “มือเดียวกัน” หรือ “มือที่สาม” ที่จงใจสร้างความร้าวฉานในบ้านเมือง จงใจสร้างความเสียหายต่อสถาบันหลัก รวมทั้งรัฐบาลให้เป็นที่เกลียดชัง
000 เรื่องแบบนี้ไม่น่าวางใจ...แต่เชื่อว่าก็คงไม่เกินสายตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ที่มองเห็นประเด็นปลุกระดมสร้างความแตกแยกเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น จนเป็นเหตุผลสำคัญที่ต้องเข้ามายึดอำนาจ ไม่ให้ความแตกแยกของคนไทยบานปลายมากไปกว่าที่เป็นอยู่
000 วันนี้คงจะต้องมีการตรวจสอบดูว่ามี“ช่องทาง”ไหนบ้าง ที่ถูกนำมาใช้เพื่อการปลุกระดมแล้วต้องรีบจัดการโดยด่วน เหมือนเมื่อคราวหลังการรัฐประหาร มีการสกัดช่องทางสื่อสาร ทั้งวิทยุ-โทรทัศน์ของกลุ่มแบ่งขั้ว แบ่งฝ่าย จนช่วยให้สถานการณ์เคลื่อนไหวบรรเทาเบาบางไปได้มาก
000 ส่วนกรณีคดีของพระธัมมชโย ยังต้องติดตามดู...ผู้ที่มี“หมายจับ”ก็จะมีกระบวนการขั้นตอนที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย การขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ก็มีความผิด การบิดเบือนหลอกลวง ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนก็มีบทลงโทษ จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานบ้านเมืองที่จะต้องดำเนินการต่อไป
000 ทางด้าน“พระ”ก็ต้องช่วยกันทำความเข้าใจ ว่าคนไทยล้วนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน และการเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายไม่ใช่เครื่องชี้ว่ามี “ความผิด” แต่กลับกัน...เป็นการช่วยยืนยันความ “บริสุทธิ์” ให้ผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นคนดี ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย ไม่เชื่อมโยงเกี่ยวพันเรื่องทุจริต และไม่เคยร่วมขบวนการฉ้อโกงใดๆ !!!
...............................
อัชชาวดี [email protected]