พระ-กะเทย-ขอทาน

พระ-กะเทย-ขอทาน

เรื่องราวการตั้ง“พระสังฆราช”องค์ใหม่ ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ

ลงง่ายๆ...เมื่อความเห็นเป็น 2 ฝ่าย การที่รัฐบาลจะตัดสินใจไปทางหนึ่งทางใดจึงเป็นเรื่อง“ยาก” แม้แต่การรีรอไม่ดำเนินการก็ยังเหมือนเป็นการ“เข้าทาง”อีกฝ่าย

000 กรณีนี้แม้จะว่ากันด้วย“ข้อเท็จจริง”ยังเป็นเรื่องลำบาก เพราะแต่ละฝ่ายก็“ตีความ”ไปคนละแบบ มีทั้งพวกที่ตีความตามความเข้าใจด้วยจิตบริสุทธิ์ หรือพวกที่เห็นคล้อยตามไปทางฝั่งที่ตัวเองเชื่อมั่นศรัทธา โดยอาจจะเอาเหตุผลมาประกอบการพิจารณาเพียงบางๆ

000 รวมไปถึงกลุ่มที่น่ากังวลที่สุดคือพวกตะแบง ตีความโดยอิงผลประโยชน์ หรือหวังผลทางการเมือง เพราะหากกางรายชื่อทั้ง"คน-พระ" ทั้งฝ่าย"หนุน-ต้าน"หลายคน" ชัดเจนว่าเป็นพวกมีสี มีฝ่าย ที่น่ากลัวว่าในที่สุดเรื่อง"ศาสนา" จะกลายเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้งทางการเมือง

000 เรื่องนี้คงต้องยกให้นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับไปแก้ไข...เพราะเป็น“พันธกิจ”ของการยึดอำนาจ ในการเข้ามาสะสางปัญหาบ้านเมือง ลดความขัดแย้ง และ“ปฏิรูป”ทุกเรื่องราว รวมทั้ง สุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ ที่ได้รับมอบหมายให้เป็น“ด่านหน้า”ในการสะสาง

000 เพราะตอนนี้เรื่องราวทำท่าจะ“ลาม”...เมื่อ“พระ”กลุ่มหนึ่งที่เคยออกมาชุมนุม ขู่จะออกมาอีก หลังจากก่อนหน้านั้นเคย“ท้าทาย”กฎหมาย ด้วยการประกาศนำม็อบผ้าเหลืองล้อมโรงพัก หากถูกดำเนินคดี กรณีออกมาชุมนุมโดยผิดกฎหมายและขัดต่อประกาศคสช.

000 วานนี้สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) นัดหมายแถลงข่าวตอบโต้วินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ชี้ว่าการตั้งพระสังฆราชต้องเริ่มต้นที่นายกฯ...ผู้การนครบาล 7 พ.ต.อ.เมธี รักพันธ์ ต้องเชิญตัวแกนนำอย่าง เสถียร วิพรมหา นายกสมาคม และเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ 2 คนดังในยุค“เสื้อสี”มาทำความเข้าใจ

000 รวมทั้ง พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ที่จะร่วมการแถลง...เพื่อกำหนดกรอบให้ชัด เพราะอาจเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และไม่ได้ขออนุญาตตำรวจก่อนการแถลงข่าว

000 สุดท้าย...พระเมธีธรรมาจารย์ ออกมาแถลงสั้นๆ ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวเป็นไปเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ ไม่มีวาระการเมือง และไม่มีอามิสสินจ้าง ไม่คิดจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อบ้านเมือง !!??

000 พูดถึงเรื่องนี้...เลยนึกย้อนไปถึงข่าว 2-3 วันก่อน...กรณีครูต้องตานายต้องตา จำเริญใจ คุณครูสาว(ประเภทสอง) โรงเรียนบ้านโคกสำราญ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ วัย 29 ปี ที่ตามหาฝันด้วยการสมัครเข้าประกวดมิสทิฟฟานี่ จนเป็นที่กล่าวถึงในสื่อโซเชียลอย่างกว้างขวาง

000 กรณีของครูนาฏศิลป์รายนี้ไม่ได้ถูกตำหนิในความเป็น“เพศที่สาม” ไม่ได้ถูกตั้งข้อรังเกียจมากนักในกรณีสมัครเข้าประกวดดังว่า...แต่ประเด็นอยู่ที่การสวมเครื่องแบบข้าราชการครูเต็มยศไปกรอกใบสมัคร แม้จะไม่ผิดกฎหมายแต่เป็นเรื่องกาลเทศะความเหมาะสม ความรับผิดชอบต่อสังคมตามบทบาทหน้าที่

000 แบบเดียวกับพระที่พึงเผยแผ่ ทำนุบำรุงพระศาสนา มากว่าการทำอะไรตามใจโดยไม่คำนึงถึง“ผลเสีย”...เรื่องนี้ถ้า“น้องต้องตา”ไม่สวมชุดข้าราชการไปสมัคร หรือหากไม่ได้เป็นครูคงไม่มีใครตำหนิ เช่นเดียวกันหากพระที่ออกมาเคลื่อนไหว สละผ้าเหลือง หรือไม่ได้อยู่ในสมณเพศ ก็คงไม่มีใครมองเป็นความเสียหายของศาสนา   

000 เมื่อไม่นานมานี้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ออกมาอวดผลงานลดจำนวนขอทาน” ที่น่าสนใจคือการใช้คำว่า“ธุรกิจขอทาน”...ท่านรัฐมนตรี อดุลย์ แสงสิงแก้ว เคยยกตัวอย่างขอทานหน้ารามฯ มีเงินฝากหลายหมื่นบาท 

000 ปัญหานี้แน่นอนว่าสมควรได้รับการ“แก้ไข”...แต่ต้องไม่ให้ข้อมูล“ตัวอย่าง”ไปบิดเบือนทัศนคติในการแก้ปัญหา เพราะที่ผ่านมาคนขอทานมีทั้งขบวนการ คนต่างด้าว ไปจนถึงคนทุกข์ยากไร้ที่พึ่งอย่างแท้จริง...ที่ต้องจำแนกให้ชัด !!!  

...................................................

นฤพีร์ เพชรดล [email protected]