ใช้โซเชียลฯอย่าง 'สร้างสรรค์'

 เป็นช่องทางหลักอย่างทุกวันนี้ กลายเป็น “ดาบ 2 คม” ที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น จนเมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มคนไอที และนักวิชาการได้จัดเวทีเสวนา ถกปัญหาการใช้งานโซเชียล เน็ตเวิร์ค ที่ควรต้องเรียกสติผู้ใช้งานให้ใช้ช่องทางนี้อย่าง “สร้างสรรค์” กันเสียที

เวทีเสวนา “แนวทางการใช้ Social Network เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลที่ยั่งยืน” จึงถกเถียงกันอย่างกว้างขวางถึงการใช้โซเชียล เน็ตเวิร์คในปัจจุบัน 

“สาโรจน์ พรประภา” อาจารย์ประจำ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า ควรหันมาเน้นย้ำให้บุคลากรใช้ไอทีได้อย่างเกิดประโยชน์

เพราะมีส่วนสำคัญช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ หันมาให้ความสำคัญเรื่องควรจะวางตัวอย่างไรบนโลกออนไลน์ การบริหารจัดการกระแสลบที่มาจากโลกโซเชียลต้องทำอย่างไร พร้อมแสดงความห็นว่า การสื่อสารด้วยข้อความ เช่น ผ่านทางโปรแกรมแอพพลิเคชั่นแชทไลน์ มีความเปราะบาง มีโอกาสเข้าใจไม่ตรงกัน ซึ่งยอมรับว่า เป็นปัญหามากกับการบริหารงาน

นอกจากนี้ การสื่อสารสู่ภายนอก หรือสื่อมวลชนยิ่งต้องระมัดระวัง เนื่องจากมีโอกาสทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร หรือยิ่งทำให้เรื่องบานปลาย

ขณะที่ “ภัทรวรรณ ประสานพานิช” อาจารย์ประจำศศินทร์ บอกว่า ทุกวันนี้ทั้งพนักงานและลูกค้าต่างใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทั้งเรื่องส่วนตัวและทำงาน เป็นไปได้ว่าอาจพูดถึงและทำให้เกิดภาพเชิงลบต่อองค์กร คำถามคือต้องมีวิธีการจัดการ แนวนโยบาย หรือปฏิบัติกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร

การปฏิบัติหรือบริหารจัดการเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น องค์กรควรมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ หรือทีมโซเชียลมีเดียคอยตรวจสอบและจัดการในทุกมุมที่ส่งผลกระทบกับบริษัทให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เพียงไอทีเท่านั้น

ส่วนความเห็นของ “วิไลพร ทวีลาภพันทอง” หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา ไพร้ซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส แสดงความเห็นว่า คนรุ่นใหม่โตมากับโมบาย ใช้ชีวิตกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกันใช้โซเชียลมีเดียเป็นประจำในชีวิตประจำวัน ทั้งเป็นยุคที่สร้างดาต้าจำนวนมหาศาล นักธุรกิจที่ฉลาดนำมาใช้ให้มีประโยชน์ได้ อินเทอร์เน็ตผลักดันเกิดโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ฟินเทค

ส่วนมุมการใช้งาน นอกจากวางนโยบาย อาจมีข้อกำหนดเรื่องมารยาทการใช้งานที่ชัดเจนไว้ เช่น เคารพต่อคนอื่น หยุดคิดก่อนตอบ ไม่ใช้อารมณ์ ให้เครดิตเจ้าของคอนเทนท์ ฯ

เมื่อโลกเปลี่ยนเร็ว เทคโนโลยีพัฒนาไปข้างหน้าไม่หยุด ดังนั้นต้องขยับตามให้เร็วขึ้น ปรับตัวให้เร็วขึ้น โซเชียลเน็ตเวิร์คมีประโยชน์ แต่ก็มีโทษเช่นกัน แต่ทั้งนี้โดยสรุปการใช้ต้องทำให้เกิดประโยชน์กับองค์กร

ขณะที่ มีความเห็นจาก ผู้อำนวยการสำนักวิจัย และพัฒนา สพธอ.สังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ยอมรับว่า ถึงวันนี้ยังหาจุดสมดุลไม่พบ กลไกที่เคยใช้กับแมสมีเดีย ไม่อาจนำมาใช้บนโลกโซเชียลได้อีกต่อไป เรียกได้เป็นเรื่องใหม่ของทุกคน ทั้งการเข้าไปควบคุมมีข้อจำกัด 

ทั้งหมดจึงแทบเป็นเรื่องของ “ความรับผิดชอบ” และ “วิจารณญาณ” การใช้ของแต่ละบุคคล มีสติก่อนที่จะคลิกแชร์ งดใช้ข้อความที่ไม่เหมาะสม คำนึงถึง “มารยาท”ในการใช้งาน ได้เวลาแล้วที่พวกเราควรหันมาช่วยกันทำให้ช่องทางโซเชียล เน็ตเวิร์คเป็นช่องทางที่ “สร้างสรรค์ และจรรโลงสังคม” มากกว่าใช้ไปอย่างสะเปะสะปะเหมือนอย่างที่ผ่านๆ มา  

เพราะมีบทเรียนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่มาจากความ “ไร้สติ” แค่เพียงแค่คลิกเดียว แต่ก่อให้เกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบอย่างประเมินค่าไม่ได้