ยิ่งมากงานยิ่งโง่ลง

ทุกตำรายืนยันตรงกันว่าทำงานทีละงานนั้น ผลงานดีกว่าอย่างแน่นอนแต่คนเก่งหลายคนชอบรับเหมาสารพัดงานมาเป็นภาระของตนเองโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำลายความเก่งของตนเอง และกลับสุขอกสุขใจที่ได้ทำหลายอย่าง ทั้งๆ ที่งานเหล่านั้นทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น นี่คือต้นเหตุสำคัญที่คนเราทำลายความเก่งของตนเองโดยไม่รู้ตัว เพราะเรามีความสุขกับกิจกรรมที่ทำลายตัวเราเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ หลายคนมีพฤติกรรมนานาประการที่รู้อยู่ว่าไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็ทำเพราะทำแล้วมีความสุข ดังนั้นถ้าไม่อยากลดความเก่ง เพิ่มความโง่ของตนเอง ขอจงพยายามตัดใจจากความสุขที่ได้จาการทำงานหลายๆ งานไปพร้อมๆ กันออกไปเสียบ้าง

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักร บอกว่าเด็กจะมีไอคิวลดลงกว่าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ หากถูกกำหนดให้เรียนสารพัดเรื่องไปพร้อมกันอย่างต่อเนื่องยาวนาน ให้เด็กเรียนสิบวิชายี่สิบวิชาไปพร้อมๆ กัน สามปีห้าปี แทนที่จะได้เด็กที่ฉลาดขึ้น กลับได้เด็กที่โง่ลงไปแทน ยิ่งในปัจจุบันนอกจากจะมีงานหลายอย่างมาจากโรงเรียนแล้ว เด็กๆ ยังหางานเพิ่มเติมให้กับตัวเองเข้าไปอีก กลับจากโรงเรียนก็เล่นไลน์ โพสต์เฟสบุ๊ค เล่นเกมส์ออน์ไลน์ ไปพร้อมกับรับประทานอาหารเย็น ทำแล้วเป็นสุข แต่ความรู้ที่ได้จากการเล่าเรียน สุขภาพกายที่ดีจากการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม สุขภาพจิตจากความอบอุ่นในครอบครัว เสียหายไปหมด เด็กมีความสุขกับสารพัดกิจกรรมที่ทำลายความเก่งของตนเองทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน

คนเรามีความสุขกับการได้ทำหลายๆ งานพร้อมๆ กันนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่สามารถใช้งานอื่นมาลดทอนความอ่อนด้อยของตนเองในอีกงานหนึ่งได้ มีบางอย่างมาทดแทนสิ่งที่ตนเองรู้สึกว่าไม่เก่ง ไม่ดีเพียงพอ นักศึกษามหาวิทยาลัยเรียนวิชาในชั้นเรียนไม่รู้เรื่อง แทนที่จะตั้งสมาธิตั้งใจเรียนวิชานั้นให้มากขึ้น กลับเรียนไปตอบไลน์ไป เรียนไปดูเว็ปที่ไม่เกี่ยวอะไรกับที่กำลังเรียน ทำแล้วมีความสุข เพราะมีบางอย่างมาทดแทนการเล่าเรียนที่ไม่รู้เรื่องนั้น คนทำงานประชุมกันไป เล่นไลน์ไป ดูเฟสบุ๊คไปพร้อมกันกับการประชุม กระทำเช่นนั้นได้ เพราะประชุมเรื่องที่ไม่สำคัญ ไม่ประชุมก็ได้ หรือองค์ประชุมเกินกว่าที่จำเป็น คือจริงๆ แล้ว หลายคนไม่เข้าประชุม ผลก็ไม่แตกต่างกัน ประชุมเรื่องไม่สำคัญ หรือคนล้นประชุม ทำให้การประชุมนั้นประชุมไป ทำอย่างอื่นไปพร้อมๆ กันก็ได้

หลายการประชุมที่จริงจังมากๆ จึงกำหนดให้งดเว้นการใช้โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อื่นที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในการประชุม เพื่อให้ทุกคนทำงานเดียวในเวลานั้นคือทำหน้าที่ของตนในการประชุม

อย่างไรก็ตาม ในวิถีชีวิตปัจจุบันไม่ง่ายนักที่จะปฏิเสธการทำงานหลายอย่างพร้อมๆ กัน ดังนั้นจึงต้องหาหนทางที่ทำหลายอย่างแล้วเราไม่โง่ลง งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเบลเยี่ยมให้คำตอบที่พอจะช่วยแก้ไขเรื่องนี้ได้

ถ้าต้องทำหลายงานพร้อมกัน ให้เลือกงานที่เราคุ้นเคยมากๆ คุ้นเคยจนแทบจะทำได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้พลังสมองมาช่วยคิดใดๆ เพิ่มเติม ท่านพูดโทรศัพท์ไปพร้อมๆ กับซักผ้าได้ งานที่ทำพร้อมๆ กันได้โดยสูญเสียความเก่งไปน้อยที่สุด คืองานประจำที่เราทำอยู่ทุกวันนั่นเอง อย่าลองทำงานที่ต้องใช้ความสร้างสรรค์หลาย ๆงานไปพร้อมๆ กัน เพราะงานทุกงานจะเสร็จช้าลง และงานทุกงานจะผิดพลาดมากขึ้น

ความจริงแล้วเราทำสองงานพร้อมกันไม่ได้ แต่เราสลับงานที่ทำไปมา การสลับงานเป็นตันเหตุของความล่าช้า และการสลับงานในวินาทีนั้น ไม่ได้หมายความว่าในวินาทีถัดไป สมองของเราจะลืมงานเดิมไปหมด แล้วโฟกัสไปที่งานใหม่ มือไปงานใหม่แล้ว แต่สมองยังเก็บงานเก่าไว้อยู่ ประชุมไปอ่านไลน์ไป เพิ่งดูรูปโป๊ที่พรรคพวกส่งมา คงไม่ง่ายนักที่จะอภิปรายเรื่องจริยธรรม ในขณะที่สมองยังสนใจภาพโป๊ที่เพิ่งดูมานั้น

ถ้าเป็นงานที่มีความสำคัญมากๆ สมองจะกำหนดให้เรามุ่งมั่นอยู่กับงานนั้น มากกว่างานอื่นๆ ถ้าบอกตนเองได้ว่างานไหนสำคัญแค่ไหน การทำหลายงานพร้อมๆ กันนั้น จะเกิดขึ้นตามลำดับความสำคัญโดยอัตโนมัติ ที่แย่คือหลายคนบอกตนเองไม่ได้ว่างานไหนสำคัญกว่างานไหน งานนั้นผู้อำนวยการเป็นคนสั่ง งานนี้คนที่บ้านอยากให้ทำ ถ้าทุกงานสำคัญเท่ากันหมดในใจของเรา ทุกงานต้องทำพร้อมกัน ยิ่งทำจะยิ่งแย่ หากจัดลำดับความสำคัญของงานได้เมื่อใด เมื่อนั่นก็ไม่ต้องทำพร้อมๆ กันหลายๆ งาน

ทำงานหลายงาน เปลี่ยนงานไปแล้วแต่ความทรงจำที่เกี่ยวกับงานเดิมยังคงอยู่ เราจึงใช้สมองได้ไม่เต็มกับงานใหม่นั้น ถ้าจะใช้สมองได้เต็มกับงานใหม่ หนทางหนึ่งคือหาสัมผัสอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานที่กำลังทำอยู่มาช่วยให้เราละวางความทรงจำที่เกี่ยวกับงานเดิมได้เร็วขึ้น เช่นบางคนได้กลิ่นกาแฟ กลิ่นน้ำหอมแล้วมีสมาธิดีขึ้น จะทำหลายงานก็หากลิ่นกาแฟ กลิ่นน้ำหอมมาช่วยเพิ่มสมาธิในการสลับงานไปมา

ท่านใดที่คิดว่าฉันเก่งเกินคนอื่น นั่งได้หลายเก้าอี้ ท่านต้องแน่ใจว่างานสารพัดในมือท่านนั้นดีขึ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่รอบตัวท่านบอกว่าดีขึ้น แต่คนอื่นบอกว่าแย่เต็มที