มาเฟีย‘ตลาดโรงเกลือ’

เหตุการณ์แรงงานกัมพูชานับร้อยคน เข้ารุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
และเจ้าหน้าที่ทรัพย์สินทางปัญญา ที่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จนมีรถของทางราชการเสียหายไป 2 คัน เจ้าหน้าที่และตำรวจ สภ.คลองลึก เจ้าของพื้นที่บาดเจ็บรวมกัน 12 คน
อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติธรรมดา
เพราะโดยปกติชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานต่างบ้านต่างเมือง จะต้องเจียมเนื้อเจียมตัวมากกว่านี้
อีกทั้งการเป็นเพียงลูกจ้างขายของ หรือเป็นเพียงแรงงานเข็นรถสินค้า ไม่น่าจะเป็นเดือดเป็นร้อนถึงขนาดลุกฮือขึ้นมาทำร้าย “เจ้าหน้าที่รัฐ” ที่ทุกคนล้วนมีอาวุธประจำกาย
แม้จะมีคำ“แก้ตัว”ของแรงงานกัมพูชา 2 คน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวมาสอบสวน อ้างไม่รู้ว่าเป็นตำรวจจริง
แต่นั่นก็ยังหมายความว่าคนเหล่านี้ ไม่ได้“ลังเล”ที่จะทำร้ายใครก็ตาม โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายไทย และทำตัวเหมือนเป็นนักเลงคุมพื้นที่ ที่มี“ผู้มีอิทธิพล”หนุนหลัง
ที่สำคัญที่ตลาดโรงเกลือแห่งนี้ ยังมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และตอกย้ำถึงการมี“มาเฟีย”ในพื้นที่
ย้อนไปเมื่อเดือนธันวาคม 2557 มีชาวกัมพูชาจำนวนมาก ถูกขบวนการที่มีคนไทยและต่างชาติหลอกลวงว่า สามารถพาข้ามแดนอรัญประเทศได้ โดยไม่ต้องประทับตราเอกสารการเดินทาง
แต่ภายหลังกลับถูกปล่อยทิ้งไว้ ที่แนวตะเข็บชายแดนด้านเหนือของตลาดโรงเกลือ จนถูกเจ้าหน้าที่จับกุม
ในขณะที่มีข้อมูลว่าขบวนการพาคน“ข้ามแดน”นั้น มีอยู่จริง โดยมีการเรียกรับเงินรายละประมาณ 500-800 บาท
กระทั่งต่อมาในเดือนตุลาคม 2558 ก็เกิดเหตุการณ์กลุ่มแก๊งอิทธิพล ข่มขู่รีดไถเงินจากแรงงานชาวกัมพูชา ที่เดินทางผ่านเข้าออกประเทศไทย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองลึก และทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา ต้องระดมกำลังเข้ากวาดล้างอิทธิพลเถื่อนในพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนแห่งนี้
จนกลายเป็นปฏิบัติการต้นแบบ “สระแก้วโมเดล”
“ตลาดโรงเกลือ”เป็นตลาดการค้าใหญ่บนพื้นที่หลายร้อยไร่ แบ่งเป็นตลาดย่อยอีก 5 ตลาด จำหน่ายสินค้าทั้งจาก ในประเทศกัมพูชาเองที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ผลิตเกินออร์เดอร์ หรือสินค้าไม่ผ่านคิวซี
มีสินค้าจาก จีน เกาหลี ฮ่องกง รวมทั้งสินค้าของไทย ทั้งของจริง ของปลอม ของเก่า ของใหม่หลายประเภท
ขณะเดียวกันก็ยังเป็นแหล่งสินค้า “ละเมิดลิขสิทธิ์” แหล่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
การลงพื้นที่ของดีเอสไอเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ไม่เพียงทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่บาดเจ็บไปหลายนาย แต่ยังโดนฝ่ายทหาร “ตำหนิ” ว่าลงพื้นที่โดยไม่มีการประสานงาน
ทั้งที่พื้นที่ตรงนั้นถูกประกาศ“กฎอัยการศึก”
ขณะที่คำตอบจากดีเอสไอ ยืนยันว่าเป็นไปตามระเบียบราชการ เพราะมีหมายค้นครบถ้วน และเจ้าหน้าที่ก็มีเพียงอาวุธประจำตัว ไม่ได้พกพาอาวุธสงครามจึงไม่จำเป็นต้อง “บอกใคร” และที่สำคัญไม่อยากให้“ข่าวรั่ว”
ท่าทีของ 2 หน่วยงานเป็นไปอย่าง “น่ากังวล” และดูจะไม่สอดคล้องกับ“บัญชา”ของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ที่ต้องการให้เกิดการ “บูรณาการ” แก้ไขปัญหา “พื้นที่สีแดง” แห่งนี้อย่างยั่งยืน
เพราะยังมีปัญหาอื่นที่ยังรอการแก้ไขในพื้นที่เดียวกันนี้ อย่างเช่น การนำรถจำนำจาก“บ่อน”ฝั่งเพื่อนบ้าน มาพักจอดไว้เพื่อดำเนินการชำแหละ หรือส่งขายแบบผิดกฎหมาย
ในขณะที่บริเวณตลาดโรงเกลือมีทั้งที่ตั้งสถานีตำรวจ มีด่านตรวจคนเข้าเมือง และมีเจ้าหน้าที่ทหารอยู่กันให้ยัวะเยี้ย ก็ดูจะเชื่อได้ยากว่าธุรกิจเถื่อนทั้งหลาย... ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปรู้เห็นหรือเกี่ยวข้อง !!!







