โฟล์คสวาเก้น-โตโยต้า คล้าย แต่ไม่เหมือน

เป็นข่าวใหญ่ที่ช็อควงการยานยนต์ และอุตสาหกรรมของโลกเลยทีเดียว เมื่อพบว่า ค่ายรถยักษ์ใหญ่
อันดับ 1 ของเยอรมนีและยุโรป “โฟล์คสวาเก้น” จงใจบิดเบือนการตรวจวัดค่ามลพิษ ที่เกิดจากการเผาไหม้เครื่องยนต์ดีเซล โดยใช้ความฉลาดของคน และเทคโนโลยี มาหลอกคนอีกต่อหนึ่ง ด้วยการเขียนโปรแกรมควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อรถเข้ารับการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โปรแกรมก็จะสั่งการให้เครื่องยนต์ทำงานแบบหนึ่ง ที่เกิดมลพิษน้อยเพื่อให้ผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน แต่เมื่อลูกค้าเอาไปใช้งานจริง ก็สั่งให้ทำงานอีกแบบ เพื่อรีดสมรรถนะให้เต็มที่ ซึ่งคงต้องแลกมาด้วยการปล่อยมลพิษที่เพิ่มขึ้น
โปรแกรมคอมพิวเตอร์รู้ได้อย่างไรว่า ช่วงไหนกำลังโดนตรวจสอบ ช่วงไหนขับจริง คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร คาดว่าใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการทำงานในส่วนอื่นๆ เช่น ความเร็วรถ การทำงานของพวงมาลัย
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากกับโลกยุคไอที แต่ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า ทำไมจึงได้ทำเช่นนั้น
โฟล์คสวาเก้น ไม่ใช่ค่ายรถเล็กๆ และอย่างที่บอกว่าเป็นค่ายใหญ่สุดในเยอรมนี ในยุโรป นอกจากนั้ยังอยู่ในฐานะแคนดิเดต ที่ขับเคี่ยวในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์อันดับ 1 ของโลก กับยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น อย่างโตโยต้า และ จีเอ็ม จากสหรัฐ โดยปีที่แล้ว โตโยต้า มียอดขายสูงสุดประมาณ 10.23 ล้านคัน โฟล์คสวาเก้น 10.14 ล้านคัน และจีเอ็ม 9.92 ล้านคัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับโฟล์คสวาเก้น ไม่ได้อยู่เฉพาะรถยนต์ยี่ห้อโฟล์คสวาเก้นเพียงยี่ห้อเดียวเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงรถในเครือ ทั้งออดี้ และสโกด้า ซึ่งประเมินกันว่ารวมๆ กันแล้วมีรถที่อยู่ในข่ายนับสิบล้านคัน ทำให้หลังจากนี้โฟล์คสวาเก้นคงมีค่าใช้จ่ายก้อนโต ทั้งสำหรับการดำเนินการแก้ไข และเสียค่าปรับ
ไม่รวมถึงความเสียหายจากความน่าเชื่อถือที่ลดลง และมูลค่าหุ้นที่หายไปอย่างน่าใจหาย
2 ปีที่แล้วเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กัน แต่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว กับโตโยต้า ที่เรียกคืนรถนับสิบล้านคันทั่วโลกเพื่อทำการแก้ไข เกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัยจากระบบเบรก ทำให้ซวนเซไปพักใหญ่ พร้อมกับเสียตำแหน่งอันดับ 1 ของโลกไป
เดือน ก.พ. 2553 อากิโอะ โตโยดะ ซีอีโอ โตโยต้า ออกมาแถลงขอโทษต่อชาวโลกถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
แต่มีประเด็นที่น่าสนใจประเด็นหนึ่งก็คือ โตโยดะ ออกมาบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากการที่ "โตโยต้ามุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตมากเกินไป" ทำให้ละเลยบางสิ่งบางอย่างไป และก็พร้อมที่จะแก้ไข อีกทั้งแนวนโยบายจากนั้น จะเน้นการเติบโตแบบยั่งยืน
ดูเหมือนว่ากระแสของผู้บริโภคทั่วโลก จะเข้าใจโตโยต้า และให้อภัย เห็นได้จากปีที่ผ่านมา โตโยต้ากลับมายึดตำแหน่งผู้นำโลกอีกครั้ง
แต่สำหรับโฟล์คสวาเก้น ต้องรอดูว่า ซีอีโอ ใหม่ แมทธิอัส มุลเลอร์ ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเข้ามาแทน มาร์ติน วินเทอร์คอร์น จะแก้ไขกับสถานการณ์นี้อย่างไร
ความต่างของปัญหาที่เกิดขึ้นกับโตโยต้า และโฟล์คสวาเก้น อาจจะคล้ายกันในด้านจำนวนรถ แต่ความแตกต่างก็คือภาพที่ออกมา เหมือนว่าโตโยต้าจะเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค และมีซัพพลายเออร์เข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่การบ้านของโฟล์คสวาเก้นจะหนักกว่าก็ตรงที่ภาพที่่ออกมาว่า ปัญหา เกิดจากความจงใจ







