ตัวอย่างการบังคับหลักประกันทางธุรกิจในประเทศอังกฤษ

ตัวอย่างการบังคับหลักประกันทางธุรกิจในประเทศอังกฤษ

จากการที่ได้มีการร่างพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจซึ่งน่าจะมีการประกาศใช้เป็นกฎหมายในบ้านเราในอนาคตอันใกล้นี้

วันนี้ผู้เขียนขอแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับที่มาของกฎหมายดังกล่าวและตัวอย่างการบังคับใช้ที่น่าสนใจจากประเทศอังกฤษซึ่งมีหลักกฎหมายเกี่ยวกับหลักประกันทางธุรกิจมานานนับร้อยปีและเป็นที่มาของกฎหมายบ้านเราด้วยค่ะ

กฎหมายบ้านเราแต่เดิมนั้นกำหนดรูปแบบการให้หลักประกันเพียง 2 รูปแบบคือ การจำนอง และจำนำ โดยจำกัดประเภทของทรัพย์ที่จะสามารถนำมาจำนองหรือจำนำไว้อย่างค่อนข้างจำกัด ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องเป็นทรัพย์ที่จับต้องได้ และจะต้องมีการส่งมอบการครอบครองทรัพย์นั้นให้กับผู้รับหลักประกันด้วย

ดังที่ชื่อกฎหมายฉบับใหม่นี้บอกไว้อย่างชัดเจน กฎหมายฉบับนี้เกี่ยวข้องกับการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากทรัพย์สินประเภทเดิมๆ ที่กฎหมายอนุญาตให้นำมาจำนองหรือจำนำได้ มาเป็นหลักประกันเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือเพิ่มโอกาสให้สามารถนำทรัพย์สินหลากหลายประเภทมาเป็น “หลักประกันทางธุรกิจ” ได้มากขึ้นนั่นเอง

ตัวอย่างหลักประกันทางธุรกิจ เช่น กิจการ สิทธิเรียกร้อง เครื่องจักร สินค้าคงคลัง ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น

ในประเทศอังกฤษ มีหลักประกันประเภทหนึ่งเรียกว่า “Floating Charge” ซึ่งเทียบเคียงได้กับที่กฎหมายบ้านเราเรียกว่า “หลักประกันทางธุรกิจ” Floating Charge เป็นหลักประกันที่เกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ของผู้พิพากษาของศาลอังกฤษเมื่อประมาณ 150 ปีมาแล้ว (เมื่อประมาณ ค.ศ. 1870) นับจากนั้นมา Floating Charge ก็กลายมาเป็นเครื่องมือที่สำคัญของผู้ประกอบธุรกิจในการกู้เงินจากธนาคารต่าง ๆ เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า “Floating Charge เป็นผลิตผลของความสร้างสรรค์อย่างที่สุดของระบบกฎหมายอังกฤษ”

ซึ่ง “Floating Charge” นี้หากจะแปลกันตรงตัวก็อาจจะแปลได้ว่า “หลักประกันแบบลอยตัว” ซึ่งเข้าใจได้ยากและอาจจะทำให้ผู้อ่านสับสนพอสมควร อย่างไรก็ดีหากอธิบายในหลักการแล้วผู้อ่านน่าพอจะเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดหลักประกันประเภทนี้จึงมีชื่อเรียกเช่นนี้

หากจะอธิบายในหลักการแบบง่ายๆ Floating Charge (ซึ่งตรงข้ามกับ Fixed Charge) เป็นสิทธิในหลักประกันที่ให้สิทธิ (ที่มีเงื่อนไขบังคับก่อน) แก่ผู้รับหลักประกัน (เช่น ธนาคาร A) ในการที่จะบังคับกับหลักประกันนั้นได้ในอนาคตหากเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่กำหนด โดยเมื่อผู้ให้หลักประกัน (นาย ก.) นำทรัพย์สินมาเป็นหลักประกันแล้ว นาย ก. จะยังสามารถใช้ทรัพย์สินในการประกอบธุรกิจของตนได้เช่นเดิม โดยสิทธิของผู้รับหลักประกัน (ธนาคาร A) จะลอยอยู่เหนือทรัพย์สิน โดยธนาคาร A จะยังไม่มีอำนาจครอบครองหรือยึดทรัพย์สินนั้นไว้แต่อย่างใด

หลักประกันประเภทนี้จึงเป็นการช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถทำมาค้าขายโดยใช้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันได้เช่นเดิม

ตามกฎหมายอังกฤษ ธนาคาร A จะมีสิทธิในการครอบครองหรือยึดทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันประเภท Floating Charge ได้เมื่อ Floating Charge กลายเป็น Fixed Charge (โดย Fixed Charge เป็นหลักประกันที่ให้สิทธิแก่ผู้รับหลักประกันในการครอบครองหรือยึดทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน และผู้มี Fixed Charge เป็นผู้มีบุริมสิทธิ โดยมีสิทธิเหนือเจ้าหนี้รายอื่นๆ ในหลักประกันนั้น) และการที่ Floating Charge จะกลายเป็น Fixed Charge ได้ก็จะต้องเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่กำหนดก่อน โดยมี 2 กรณีคือ เหตุการณ์ที่กำหนดโดยกฎหมาย เช่น นาย ก. มีหนี้สินล้นพ้นตัว และเหตุการณ์ที่กำหนดโดยสัญญา เช่น นาย ก. ผิดนัดชำระหนี้

กระบวนการที่ Floating Charge กลายเป็น Fixed Charge ในกฎหมายอังกฤษเรียกว่า “Crystalisation” หากจะกล่าวง่ายๆ ก็คือ กระบวนการดังกล่าวเป็นการที่ผู้รับหลักประกันจะได้สิทธิในการบังคับหลักประกันอย่างเต็มที่ นั่นเอง

กระบวนการบังคับหลักประกันทางธุรกิจตามกฎหมายใหม่ของบ้านเรา กรณีที่หลักประกันเป็นกิจการ มีที่มาจากกฎหมายอังกฤษ โดยมีสาระสำคัญคือ ผู้รับหลักประกัน (ธนาคาร A ตามตัวอย่างข้างต้น) จะบังคับเอาเองไม่ได้ และวิธีการบังคับก็ไม่เหมือนกับการจำนองที่จะต้องไปศาล (เว้นแต่เป็นกรณีขายทอดตลาดเองตามกฎหมายจำนองที่มีการแก้ไขใหม่) โดยในการบังคับหลักประกันทางธุรกิจที่เป็นกิจการ จะต้องมีผู้บังคับหลักประกันที่ต้องเป็นผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานทะเบียน และมีขั้นตอนที่ผู้รับหลักประกันจะต้องปฏิบัติก่อนด้วย กล่าวคือ 

“เมื่อมีเหตุบังคับหลักประกันให้ผู้รับหลักประกันมีหนังสือแจ้งไปยังผู้บังคับหลักประกัน เมื่อผู้บังคับหลักประกันได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าวให้กำหนดวัน เวลา สถานที่ไต่สวนข้อเท็จจริงภายใน 7 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้ง (มาตรา 65) และให้ผู้บังคับหลักประกันไต่สวนข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่ามีเหตุบังคับหลักประกันหรือไม่ กรณีที่ผู้บังคับหลักประกันมีคำวินิจฉัยให้บังคับหลักประกัน ให้บรรดาสิทธิ ตามกฎหมายของผู้ถือหุ้นของผู้ให้หลักประกันในกิจการที่เป็นหลักประกัน ยกเว้นสิทธิที่จะได้รับเงินปันผลตกแก่ผู้บังคับหลักประกันทันที และห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยึดหรืออายัดกิจการที่เป็นหลักประกัน แต่ให้เจ้าหนี้ดังกล่าว มีหนังสือแจ้งไปยังผู้บังคับหลักประกันเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์หรือเงินที่ได้จากการจำหน่ายกิจการนั้น (มาตรา 73) ทั้งนี้ ให้ผู้บังคับหลักประกันมีอำนาจหน้าที่บำรุงรักษา จัดการและดำเนินกิจการที่เป็นหลักประกันจนกว่าจะจำหน่ายหลักประกันได้ (มาตรา 75)”

สำหรับวันนี้เราศึกษากันเท่านี้ก่อน พบกันใหม่คราวหน้าค่ะ

**************************************

บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนอันเป็นความเห็นในทางวิชาการ และไม่ใช่ความเห็นของบริษัท อัลเลน แอนด์ โอเวอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ผู้เขียนทำงานอยู่