สมประโยชน์ทุกฝ่าย !!?

 ทั้งในส่วนพรรคการเมือง อย่างพรรคเพื่อไทย ที่เคยดาหน้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างรุนแรง พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาประสานเสียงชี้ชวนให้“คว่ำ” รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีชัย ชิดชอบ ร่วมเป็นหนึ่งในสปช.ก็แสดงความไม่เห็นด้วยมาตลอด 

000 กลุ่มนี้ชัดเจนอยู่ตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับหลายประเด็นร้อน ไม่ว่าจะเป็นการมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูป และการปรองดองแห่งชาติ หรือ คปป. ที่พรรคการเมืองมองเป็นการสืบอำนาจและทำให้“รัฐบาลเลือกตั้ง”ในอนาคตทำงานลำบาก รวมไปถึงประเด็นนายกฯคนนอก การเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม การได้มาซึ่งส.ส.และส.ว. ที่ล้วนไม่ถูก“รสนิยม”ของบรรดาพรรคการเมือง

000 ส่วนกลุ่ม“ผู้ถืออำนาจ”ก็ต้องถือว่าสมใจเช่นเดียวกัน ยืนยันได้จากเสียง“คว่ำ”ที่สะท้อนผ่านสปช.สายทหารและข้าราชการประจำ แบบไม่“แตกแถว”เพราะสุดท้ายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะอยู่บริหารบ้านเมืองต่อไปจากนี้ร่วม 2 ปี ไม่แตกต่างผิดเพี้ยนไปจากเสียงที่มีการเรียกร้องก่อนหน้าว่าอยากให้มีการปฏิรูป 2 ปีก่อนเลือกตั้ง

000 แม้แต่ฝั่งที่ออกมาเรียกร้องให้“รับร่าง”สุดท้ายก็ต้องถือว่าเข้าทางและสมใจไปอีกเช่นเดียวกัน เหมือนอย่างที่หลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย บอกว่าได้ยินและได้เห็นสัญญาณนี้ล่วงหน้ามาแล้วอย่างน้อย 1 เดือน และแม้ว่าจะแอบ“เสียหน้า”ไปบ้าง แต่สุดท้ายก็จะยังมี“รัฐบาลคสช.”บริหารบ้านเมือง เพื่อสะสางอีกหลายๆปัญหา ที่เชื่อว่า“รัฐบาลปกติ”ทำไม่ได้

000 จากนี้ไปสิ่งที่จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันและต้องติดตามเพราะมี“นัย”สำคัญทางการเมือง ทั้งที่“เป็นมา”และกำลังจะ“เป็นไป” คือการตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 21 คน และสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ 200 คน ชุดแรกจะถูกตั้งโดยหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ส่วนสภาขับเคลื่อนฯ เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะหยิบใครก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิก โดยมีเงื่อนเวลาเท่ากัน คือ 30 วันนับแต่วันโหวตร่างรัฐธรรมนูญและสปช.สิ้นสภาพลง

000 สิ่งที่ถูกจับตาคือจะมี“ใคร”เข้ามาร่วมทีมร่างรธน.ใน 21 คนนี้บ้าง เพราะอย่างน้อยก็มี บวรศักดิ์ อุวรรณโณ และคำนูน สิทธิสมาน ที่ยืนยันตั้งแต่ต้นว่าไม่กลับมารับหน้าที่นี้อีก และยังโยนระเบิดไว้ด้วยว่าที่ผ่านมาทำงานด้วยความ“กดดัน” ส่วนสภาขับเคลื่อนฯ ก็ต้องดูกันว่าในจำนวน 200 คนนั้น จะมีเสียงคว่ำ 135 คนเข้าไปร่วมมากน้อยแค่ไหน เพราะเท่ากับเป็นการตอบข้อสงสัยของใครหลายคน

000 วันนี้ถือได้ว่าร่างรัฐธรรมนูญถูก“คว่ำ”ไปด้วยความ“สมประโยชน์”ในเบื้องต้น เป็นความพอใจที่แตกต่าง ของคนหลายกลุ่ม แม้แต่คนกลางๆ ก็ยังแอบ“โล่งใจ”ว่าความขัดแย้งรอบใหม่จะยังไม่เกิดขึ้น และจากนี้กลุ่มคนที่“เห็นต่าง”คงต้องไป“สู้”กันในจังหวะต่อไป...ว่ากันตั้งแต่ยกแรกว่าจะตั้งต้นร่างรัฐธรรมนูญกันตรงไหน จะเริ่มใหม่หมดดี หรือถ้าจะเอาร่างที่“ตกไป”มาปัดฝุ่นก็คงจะต้องแก้ประเด็นเจ้าปัญหาหลายประการ

000 แต่หากจะเอารธน.2540 หรือรธน.2550 มาเป็น“แม่แบบ” ก็คงลำบาก เพราะรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ มีคน 2 ฝ่าย แสดงตัวเป็นเสมือนเจ้าของ และเคยหยิบเป็นประเด็น“พิพาท”กันมายาวนานในอดีต จนเป็นเหมือนสัญญลักษณ์ของความ“ขัดแย้ง”ทางการเมืองในช่วงหนึ่ง...ทั้งหมดต้องติดตามและร่วมกัน“หวัง”ว่าในที่สุดแล้วบ้านเมืองจะ“สงบ”และกลับไปสู่ภาวะปกติ แม้ว่าจะต้อง“รอคอย”ไป“อย่างน้อย”จนถึงต้นปี2560ก็ตาม !!!   

....................................

อัชชาวดี [email protected]