เมือง CLM ที่ไทยสนใจลงทุนและสิ่งที่ต้องการจากรัฐบาล

เมือง CLM ที่ไทยสนใจลงทุนและสิ่งที่ต้องการจากรัฐบาล

โครงสร้างพื้นฐานจัดเป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งของการเลือกที่ตั้งการลงทุนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ บทความนี้นำเสนอผลการศึกษาและข้อเสนอ

จากการวิจัยโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ยุทธศาสตร์ในประเทศกัมพูชา พม่า และลาว เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน โดยได้เก็บข้อมูลโครงสร้างพื้นฐาน 7 ด้าน คือ โครงสร้างพื้นฐานทางถนน ทางรถไฟ ทางท่าเรือ ทางท่าอากาศยาน ระบบไฟฟ้าและพลังงาน ระบบประปาและสาธารณูปโภค และระบบโทรคมนาคมไร้สายของพื้นที่ทั้ง 10 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ประเทศพม่า ประกอบด้วย ทวาย ย่างกุ้ง และเมียวดี พื้นที่สปป.ลาว ประกอบด้วย เวียงจันทน์ สะหวันนะเขต บ่อแก้ว และปากเซ และพื้นที่ประเทศกัมพูชา ประกอบด้วย เกาะกงและสีหนุวิลล์ ปอยเปตและศรีโสภณ และ กรุงพนมเปญ ดังภาพประกอบ และเปรียบเทียบกับความต้องการของนักลงทุนไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมศึกษา 3 กลุ่ม คือ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า และเกษตรแปรรูป ได้ข้อค้นพบของแต่ละอุตสาหกรรมดังนี้


อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม


อุตสาหกรรมนี้ให้ความสำคัญแก่โครงสร้างพื้นฐานด้านเส้นทางถนน ท่าเรือ ระบบไฟฟ้า และพลังงาน ระบบประปา และระบบโทรคมนาคม รวมถึงกลุ่มสินค้าแฟชั่นอาจจำเป็นต้องใช้ ท่าอากาศยานในการกระจายสินค้าไปยังภูมิภาคต่าง ๆ จากการวิเคราะห์พบว่า พื้นที่ที่นักลงทุนไทยให้ความสนใจได้แก่ พื้นที่เวียงจันทน์ ย่างกุ้ง ปอยเปตและศรีโสภณ ตามลำดับ และมีส่วนน้อยให้ความสนใจการลงทุนในทวาย กรุงพนมเปญ ปากเซ และเมียวดี เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ที่มีความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมนี้ ได้แก่ กรุงพนมเปญ ทวาย เวียงจันทน์ เกาะกงและสีหนุวิลล์ ปอยเปตและศรีโสภณ


ดังนั้น รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการช่วยเหลือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหรือลงทุนร่วมกับสปป.ลาวในพื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ได้แก่ พื้นที่เวียงจันทน์ ในด้านเส้นทางถนนและการเชื่อมโยงกับท่าเรือน้ำลึก (การอำนวยความสะดวกในการข้ามแดนและเชื่อมต่อไปยังทางรถไฟเพื่อส่งไปยังท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง) พื้นที่ปอยเปตและศรีโสภณ ในด้านไฟฟ้าและน้ำประปา เพราะเป็นพื้นที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมากและยังต้องการการพัฒนาในบางปัจจัย


ส่วนพื้นที่ย่างกุ้งและเมียวดียังคงต้องการการพัฒนาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะด้านเส้นทางถนน ไฟฟ้า และประปาที่ไม่สามารถรองรับอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมากได้ และปัจจัยเหล่านี้ยังส่งผลต่อคุณภาพการผลิตอีกด้วย ส่วนพื้นที่อื่นที่มีระดับความพร้อมมากพอที่จะรองรับความต้องการของนักลงทุน เพราะมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานอยู่แล้วในหลายๆ ปัจจัยได้แก่ พื้นที่กรุงพนมเปญ เกาะกงและสีหนุวิลล์ และพื้นที่ทวายนั้นน่าสนใจที่จะลงทุนหากแผนการก่อสร้างพัฒนาพื้นที่แล้วเสร็จ พื้นที่เหล่านี้หากมีการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานแล้วคาดว่าจะเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจของนักลงทุนอย่างมาก


อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า


อุตสาหกรรมนี้ต้องการความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านเส้นทางถนน ท่าอากาศยาน ไฟฟ้า ประปา และระบบสื่อสารไร้สายที่มีประสิทธิภาพ จากการสำรวจความคิดเห็นพบว่าพื้นที่ที่ นักลงทุนต้องการไปลงทุนมากคือ เวียงจันทน์ ย่างกุ้ง กรุงพนมเปญ ปอยเปตและศรีโสภณ และ สะหวันนะเขต ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานที่มีในระดับดีมากได้แก่ กรุงพนมเปญ เวียงจันทน์ ทวาย เกาะกงและสีหนุวิลล์ ปอยเปตและศรีโสภณ ปากเซ และสะหวันนะเขต รัฐบาลจึงควรสนับสนุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่กรุงพนมเปญ (อาจจะร่วมก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมกับรัฐบาลกัมพูชา เป็นต้น)


และสำหรับพื้นที่เวียงจันทน์และสะหวันนะเขต ควรได้รับการสนับสนุนในด้านเส้นทางถนน เส้นทางรถไฟ และการเชื่อมโยงกับท่าเรือน้ำลึก พื้นที่ปอยเปตและศรีโสภณ ควรได้รับการสนับสนุนในด้านเส้นทางรถไฟ ไฟฟ้า และประปา สำหรับพื้นที่ย่างกุ้ง รัฐบาลไทยอาจจะให้การสนับสนุนหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกับรัฐบาล โดยเฉพาะในเรื่องระบบสาธารณูปโภค ส่วนพื้นที่ที่นักลงทุนสนใจค่อนข้างน้อย แต่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานในระดับที่ดีได้แก่ เกาะกงและสีหนุวิลล์ และพื้นที่ทวายหากแผนการก่อสร้างแล้วเสร็จจริงในอีก 5 ข้างหน้า


อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป


อุตสาหกรรมนี้ต้องการความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านเส้นทางถนน ท่าเรือ ไฟฟ้า ประปา อย่างมาก นอกจากนี้ นักลงทุนบางกลุ่มยังต้องการโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะบางประเภท เช่น รถไฟ สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำตาลเพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือ โดยพื้นที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจกันมากคือ ย่างกุ้ง เวียงจันทน์ เกาะกงและสีหนุวิลล์ ตามลำดับ


ซึ่งพื้นที่เหล่านี้มีความพร้อมสอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุน แต่ควรได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในบางด้านได้แก่ พื้นที่เวียงจันทน์ รัฐบาลไทยควรสนับสนุนด้านเส้นทางถนนและการเชื่อมโยงกับท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง (การอำนวยความสะดวกในการผ่านแดนและเชื่อมกับรถไฟ) พื้นที่เกาะกงและสีหนุวิลล์ ควรได้รับการสนับสนุนด้านเส้นทางถนน ไฟฟ้า และประปา ส่วนพื้นที่ย่างกุ้งที่ยังมีปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานหลายปัจจัยที่ต้องการการพัฒนาสำหรับนักลงทุนอีกมาก เช่น เส้นทางถนน ไฟฟ้า ประปา และระบบสื่อสารไร้สายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพให้แก่สินค้าได้


นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานค่อนข้างมาก แต่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนน้อย ได้แก่ ปอยเปตและศรีโสภณ กรุงพนมเปญ และทวาย โดยพื้นที่เหล่านี้ยังไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากทางภาครัฐสำหรับพื้นที่อื่น ๆ เช่น บ่อแก้ว อาจยังไม่พร้อมในหลายปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน แต่ปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ถึง 2 แห่งในพื้นที่ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมนาคราชนครของนักลงทุนไทย และนิคมอุตสาหกรรมต้นผึ้งของนักลงทุนจีน ซึ่งคาดว่าจะต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่บริเวณนี้ไปพร้อมกัน


อีกทั้งเพิ่งเปิดใช้สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 ที่เชื่อมระหว่าง อ.เชียงของ จ.เชียงราย กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งเปิดใช้เมื่อธันวาคม พ.ศ. 2556 ซึ่งจะช่วยร่นยะยะเวลาในการเดินทางระหว่างไทยกับจีนตอนใต้ได้มาก และไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายสินค้าจากรถบรรทุกสู่เรือแพขนานยนต์เพื่อข้ามแม่น้ำโขง ส่วนพื้นที่เมียวดีถึงแม้ว่าจะอยู่ติดกับชายแดนไทยทาง อ.แม่สอด จ.ตาก แต่ระบบสาธารณูปโภคยังไม่มีมาตรฐานเท่าที่ควร อีกทั้งพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมถึงแม้ว่ารัฐบาลจะจัดสรรพื้นที่รองรับแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะพัฒนาอุตสาหกรรมได้อย่างสมบูรณ์ จึงเหมาะกับการขนส่งสินค้าไปขายในพื้นที่มากกว่าการเข้าไปลงทุนในพื้นที่ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าพื้นที่ที่มีความพร้อมเพื่อจะรองรับอุตสาหกรรมทั้ง 3 กลุ่มนั้นคล้ายกัน ได้แก่ กรุงพนมเปญ เวียงจันทน์ ทวาย เกาะกงและสีหนุวิลล์ ปอยเปตและศรีโสภณ อย่างไรก็ตาม พื้นที่เหล่านี้ยังคงต้องการการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐเพื่อให้มีประสิทธิภาพพร้อมที่จะรองรับความต้องการของนักลงทุนในอนาคต


สิ่งที่ไทยควรดำเนินการเพื่อทำให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนนักลงทุนไทยนั้น คณะวิจัยเห็นว่าภาครัฐได้ต้องให้ความสนใจอย่างจริงจัง ทั้งส่วนของการให้งบประมาณพัฒนาหรือการเข้าไปช่วยเหลือนักลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมนั้น ๆ เลยก็ตาม ในภาพรวมสามารถสรุปได้ดังนี้


๐ การร่วมพัฒนาด้านไฟฟ้าและพลังงาน และระบบประปาและสาธารณูปโภคในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเป็นหลัก วิธีการช่วยเหลือนั้นขึ้นกับความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เช่น สร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า ขายไฟฟ้าให้แก่พื้นที่เหล่านั้น แม้กระทั่งช่วยเหลือการเดินสายไฟฟ้า ระบบท่อประปาในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อผลักดันให้นักลงทุนเกิดความสนใจในการออกไปลงทุนนอกประเทศ ซึ่งควรจะมีการศึกษารายพื้นที่และรายกรณีไป


๐ ด่านชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านควรได้รับการพัฒนาจัดสรรพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน แยกช่องทางการจราจรระหว่างรถท่องเที่ยวและรถบรรทุก เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางข้ามแดน อีกทั้งรัฐบาลควรสนับสนุนให้มีการร่วมมือกันระหว่างสองประเทศเพื่อทำพิธีการทางศุลกากรแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการตรวจสอบสินค้านำเข้า-ส่งออกได้มาก พร้อมทั้งช่วยยกระดับพิธีด่านศุลกากรของประเทศเพื่อนบ้านให้มีระบบมากขึ้น


๐ รัฐบาลควรสนับสนุนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมระหว่างพื้นที่ชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางการค้าและสิทธิประโยชน์ในการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมให้แก่นักลงทุนทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สำหรับแรงงานชายแดนในพื้นที่ เช่น พื้นที่แม่สอด จ.ตาก-เมียวดี พื้นที่คลองใหญ่ จ.ตราด-เกาะกง เป็นต้น


๐ รัฐบาลไทยควรมีนโยบายในการช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางถนนที่เชื่อมโยงจากชายแดนไทยไปยังพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม หรือจากแหล่งนิคมอุตสาหกรรมไปยังพื้นที่กระจายสินค้า ซึ่งอาจจะทำโดยการช่วยแบบให้เปล่า ให้เงินกู้ยืม หรือวิธีการอื่น ๆ โดยควรพัฒนาให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานชั้น 2 เป็นอย่างต่ำ นั่นคือ เป็นถนนลาดยาง 2 ช่องทางจราจร พร้อมทำเส้นจราจร เส้นแบ่งไหล่ทาง ติดตั้งไฟถนน ติดตั้งป้ายจราจร และสิ่งอำนวยความสะดวกในการจราจรอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และสามารถลดต้นทุนการขนส่งได้มาก


ในภาพรวมจากการศึกษาพื้นที่ทั้ง 10 แห่งพบว่าแต่ละแห่งมีปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างกันไป รัฐบาลจึงควรให้การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในพื้นที่ที่ต่าง ๆ โดยหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) เป็นต้น


-------------------------
กิตติกรรมประกาศ งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ภายใต้ชุดโครงการการศึกษาเงินลงทุนทางตรงระหว่างประเทศขาออกของประเทศไทยผู้สนใจสามารถสืบค้นจากรายงานฉบับสมบูรณ์ได้ที่เว็บไซต์โครงการ http://outwardfdi.org/