การใช้ข้อมูลการผลิตน้ำมันจากต่างประเทศ ต้องเข้าใจคำนิยาม

การใช้ข้อมูลการผลิตน้ำมันจากต่างประเทศ ต้องเข้าใจคำนิยาม

ในช่วงเวลา 2 - 3 ปีที่ผ่านมารวมถึงเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีทั้งบทความในบางสื่อ การโพสต์ข้อความและภาพข้อมูล

จากโซเชียลเน็ตเวิร์ค กล่าวกันว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทรัพยากรน้ำมันมหาศาล ถึงขนาดกล่าวกันเลยเถิดว่าเป็น “ซาอุดีอาระเบียแห่งตะวันออกไกล” ซึ่งได้สร้างความสับสนและความเข้าใจผิดแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง ผมได้สังเกตว่ามีช่วงหนึ่งได้มีการแชร์ข้อมูลความเชื่อที่ผิดๆ เหล่านี้ทางโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นจำนวนมากอาจจะเนื่องจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์บวกกับความสงสัยในตัวเลขของทางภาครัฐและบริษัทน้ำมันต่างๆ เป็นทุนเดิม แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีหน่วยงานต่างๆ คือ กระทรวงพลังงาน ปตท. รวมถึง บุคลากรที่มีประสบการณ์ทำงานทางด้านพลังงานจริง ต่างออกมาช่วยกันชี้แจงทำความเข้าใจแก่ประชาชน ก็ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งมีความเข้าใจมากขึ้น ทำให้การแชร์ข้อมูลดังกล่าวลดน้อยลงหลังจากที่ได้มีโอกาสเห็นความเข้าใจผิดเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการนำข้อมูลตัวเลขจากทั้งในและต่างประเทศมาเปรียบเทียบบนพื้นฐานความไม่เข้าใจในที่มาที่ไปของข้อมูล ในบทความนี้ผมจึงขออธิบายถึงเรื่องข้อมูล “ปริมาณการผลิตน้ำมัน” เพื่อทำความกระจ่างให้กับทุกๆ คนครับ

ในบทความนี้ผมขอใช้ตัวเลขการผลิตน้ำมันในประเทศปี พ.ศ. 2555 มาใช้ในการอธิบาย กระทรวงพลังงานได้มีการรายงานตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบไว้ประมาณวันละ 150,000 บาร์เรลต่อวันแต่ก็ได้มีผู้นำข้อมูลอ้างอิงจากต่างประเทศมาใช้เปรียบเทียบกับข้อมูลของทางภาครัฐ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเลขไม่ตรงกัน โดยอ้างว่าภาครัฐรายงานตัวเลขน้อยกว่าตัวเลขตามรายงานของต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลของทาง BP Statistical Review of World Energy (BPstats) - (www.bp.com) ของประเทศอังกฤษปี พ.ศ. 2555 รายงานว่าประเทศไทยผลิตน้ำมัน (Oil Production) เป็นจำนวน 450,000 บาร์เรลต่อวัน และข้อมูลของทาง U.S. Energy Information Administration (EIA) - (www.eia.gov) ของประเทศสหรัฐอเมริการายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ (Crude Production) ของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2555 มีเป็นจำนวน 238,000 บาร์เรลต่อวัน แสดงให้เห็นว่าตัวเลขของต่างประเทศมีมากกว่าที่กระทรวงพลังงานรายงานไว้ 1.6 -3 เท่า ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดว่าต้องมีน้ำมันหายไปมีการยักยอก หรือมีใครขโมยไป คิดกันไปต่างๆ นานา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจที่ผิดของผู้ที่ให้ข้อมูลดังกล่าวเนื่องจากอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์และยังศึกษาไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้

ผมขออธิบายคำนิยามข้อมูลจากต่างประเทศว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เริ่มต้นจากข้อมูลของทาง BPStats ตรง Oil Production นั้น มีหมายเหตุระบุเป็น (*) ไว้ชัดเจนว่า “*Includes crude oil, tight oil, oil sands and NGLs (the liquid content of natural gas where this is recovered separately). Excludes liquid fuels from other sources such as biomass and derivatives of coal and natural gas” ปริมาณผลิตน้ำมันนั้นจะรวมทั้งน้ำมันดิบและ NGLs (Natural Gas Liquids) ฯลฯแต่ไม่รวมเชื้อเพลิงเหลวที่ได้จากชีวมวล ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ (ซึ่งในที่นี้คือ ก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG) และผมก็ไปดูคำนิยาม NGLs ในเว็บไซต์เดียวกันของทาง BP ซึ่งเขาหมายถึง “องค์ประกอบที่แยกได้จากการกระบวนแยกก๊าซธรรมชาติ คือ อีเทน โพรเพน ก๊าซหุงต้ม (LPG) ก๊าซโซลีนธรรมชาติ (Natural Gasoline; NGL) และคอนเดนเสท ฯลฯ”

ทีนี้มาดูคำนิยามของฝั่ง EIA ถ้าเราเข้าไปดูที่ข้อมูลการผลิตน้ำมันดิบ หรือ Crude Production แล้วจะพบว่ามีการระบุหมายเหตุว่า “Includes lease condensate” ซึ่งเขาหมายถึง “ตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบนั้นได้รวมกับคอนเดนเสท ที่ถูกแยก ณ ปากหลุมก๊าซธรรมชาติไปด้วย” ในส่วนข้อมูล Total Oil Production ของ EIA ได้ระบุหมายเหตุเอาไว้ว่า “production of crude oil (includes lease condensate), natural gas plant liquids, and other liquids and refinery processing gain (loss)” นั่นคือ “ตัวเลขการผลิตน้ำมันทั้งหมดของ EIA ประกอบด้วยน้ำมันดิบ คอนเดนเสท และองค์ประกอบที่แยกได้จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติเช่นเดียวกับของ BP นอกจากนี้ยังรวมส่วนเพิ่ม (ลด) จากกระบวนการกลั่นน้ำมันอีกด้วย” ซึ่งในที่นี้ผมจะไม่พูดถึงส่วนเพิ่ม (ลด) จากกระบวนการกลั่นน้ำมัน

โดยผมก็มาเปรียบเทียบกับข้อมูลของทางภาครัฐจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน (สนพ.) ได้จัดทำข้อมูลพลังงานทุกประเภทเปิดเผยต่อสาธารณะ (ยกเว้นอีเทน) สามารถค้นหาได้ใน www.eppo.go.th ผมได้นำข้อมูลทุกประเภทมาคำนวณเป็นหน่วยบาร์เรลต่อวัน จากข้อมูลจากปี พ.ศ. 2555 จะพบว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ 148,977 บาร์เรลต่อวัน คอนเดนเสท 89,639 บาร์เรลต่อวัน ดังนั้นถ้าเอาน้ำมันดิบรวมกับคอนเดนเสทจะได้ 238,616 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะใกล้เคียงกับตัวเลข Crude production ตามคำนิยามของ EIA

ในส่วนองค์ประกอบที่แยกได้จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ทาง สนพ.รายงานนั้นคือ โพรเพนและก๊าซหุงต้ม (LPG) 118,247 บาร์เรลต่อวัน (ผมคำนวณเฉพาะส่วนที่ได้จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไม่รวมส่วนที่ได้จากโรงกลั่นน้ำมัน) และ ก๊าซโซลีนธรรมชาติ (Natural Gasoline; NGL) ประมาณ 18,923 บาร์เรลต่อวัน แต่ทาง สนพ. ไม่ได้รายงานตัวเลข อีเทนเอาไว้ ผมจึงไปค้นดูข้อมูลรายงานประจำปีของสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยซึ่งได้รายงานตัวเลของค์ประกอบจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติทั้งหมดของปี 2555 รวมถึงอีเทนด้วยผมก็ลองเปรียบเทียบกับข้อมูล LPG และ NGL ของ สนพ. ก็พบว่าใกล้เคียงกันมาก จึงนำข้อมูลอีเทนจำนวนประมาณ 99,000 บาร์เรลต่อวันมาใช้ประกอบและถ้าเอาตัวเลขทั้งน้ำมันดิบ คอนเดนเสท และ NGLs ทุกตัวรวมกันจะได้ 474,786 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับ Total Oil Production ของ BPstats และ EIA จะเห็นได้ว่าข้อมูลจากทั้งในและต่างประเทศมีความใกล้เคียงกันตามคำนิยาม จึงเป็นข้อมูลที่ถูกต้องอยู่แล้วไม่ได้มีการปกปิดตัวเลขปริมาณการผลิตจากทางภาครัฐแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะมีการคลาดเคลื่อนกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับการแปลงหน่วยจากสมมติฐานค่าความร้อนขององค์ประกอบต่างๆ

กล่าวโดยสรุป การที่ใช้ข้อมูลจากต่างประเทศมาเปรียบเทียบกับข้อมูลในประเทศนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและเป็นการช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจากทางภาครัฐและองค์กรพลังงานในประเทศอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามถ้านำมาใช้โดยที่เรายังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงคำนิยามหรือความหมายของตัวข้อมูลที่ทางต่างประเทศนำมารายงานแล้วเอามานำเสนอด้วยความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องนั้น กลับจะส่งผลให้ประชาชนทั่วไปมีความสับสน และไม่เชื่อมั่นต่อข้อมูลจากทางภาครัฐและองค์กรพลังงานในประเทศ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการสร้างความเข้าใจต่อประชาชนในการวางนโยบายด้านพลังงานต่างๆ ผมจึงจำเป็นต้องอธิบายถึงที่มาที่ไปและคำนิยามของข้อมูลจากต่างประเทศดังกล่าวครับ