แป๊ะเจี๊ยะ โซตัส และอัตตาอาจารย์คือรากฐานสังคมเห็นแก่ตัว

ความต้องการปฏิรูปการศึกษานั้นมีอย่างต่อเนื่อง มีแต่คนบ่นว่าการศึกษาไทยตกต่ำ แข่งขันสู้กับชาติอื่นก็ไม่ได้
คิดไม่เป็นเอาแต่ท่องจำ ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เรื่อง ศีลธรรมก็ถดถอย สารพัดจะว่าไปยังทั้งเด็กทั้งครู โดยที่ไม่มองว่าประเทศของเขาก็มีการปรับเปลี่ยนหลักสูตร หลักสอบ กันมาทุกระดับ ปริมาณความรู้ที่มอบให้ก็มากมาย แต่ทำไมยังมีปัญหากันอยู่ หรือเพราะสังคมไทยเป็นสังคมพิเศษที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องในโลก ในบทความชิ้นนี้จะชี้ถึงสามสิ่งที่ทำให้การศึกษาไทยไม่ไปถึงไหน ไม่ใช่ในแง่ความรู้ความสามารถแต่จะกลายเป็นปมติดตัวในใจที่ถึงเปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถก็ช่วยอะไรไม่ได้
ในขณะที่ชนชั้นกลางมีสตางค์บ้านเราทำเป็นกระเหี้ยนกระหือรือรับไม่ได้กับการโกงหรือคาดว่าจะมีการโกงของคนอื่น แต่ถ้าเพื่อลูกของตนเองแล้วไซร้ พวกเขาทำทุกอย่างได้เพื่อให้ลูกได้เข้าสู่วงการที่คิดว่าดีที่สุด พวกเขาจะไม่ยอมรับการคัดสรรทางความสามารถว่าลูกของเขาอาจสู้คนอื่นเขาไม่ได้ เพราะถ้ามีโอกาสพวกเขาจะใช้อย่างอื่นผลักดันลูกให้เอาชนะคนอื่น นี่คือต้นกำเนิดของการสมประโยชน์ในแป๊ะเจี๊ยะ ที่ผู้ปกครองอยากจ่าย ทางสถาบันการศึกษาก็อยากรับด้วยผลประโยชน์ซ่อนเร้นตั้งแต่เพื่อความสืบทอดความเป็นเลิศทางวิชาการของโรงเรียนไปจนถึงกระเป๋าตังค์อธิการ พวกเขาไม่คิดด้วยซ้ำว่านี่คือการทุจริตคอร์รัปชัน เป็นการติดสินบนแบบหนึ่ง ไม่คิดว่าเป็นการเอาเปรียบตัดโอกาสคนอื่น ทั้งนี้เพราะสังคมอุปถัมภ์ของเราหล่อหลอมกันมาแบบนี้ เส้นสายมีคุณค่ากว่าสมองเสมอ
ความอยากในการส่งลูกเข้าโรงเรียนชื่อดังมาจากมายาคติสองประการ หนึ่งนั้นเชื่อว่าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงยาวนานหรือค่าเทอมแพงจะประสิทธิ์ประสาทวิชาการให้ลูกได้ดีกว่า ด้วยความสามารถของครูและอุปกรณ์ กับสองคือคิดว่าโรงเรียนระดับนี้ลูกคนรวยคนมีฐานะมาอยู่รวมกัน จะต้องได้คอนเนคชั่นที่ดีกว่าไปเรียนที่มีลูกคนจน ทั้งสองข้อมีโอกาสเป็นจริงได้แต่มิใช่ตายตัว ข้อแรกนั้นเด็กต้องพร้อมเรียน ถ้าเจ้าตัวจะเกเรหรือถูกกดดันจนไม่มีกะจิตกะใจเรียน ถึงโรงเรียนจะดีอย่างไรเด็กก็ด้อยเท่าที่เป็น ส่วนข้อหลังเป็นเพียงโอกาสที่มีมากกว่า แต่การคบเพื่อนของเด็กนั้นมกเลือกตามความชอบ ไม่ใช่ตามหลักฐานะ พ่อแม่ทุกคนยากให้ลูกคบบัณฑิตแต่ลูกอาจจะไม่คบ คอนเนคชั่นนี้จึงไม่ได้ใช้แต่อย่างใด
เมื่อเข้าเรียนชั้นอุดมศึกษา ไม่น่าเชื่อว่าหลายมหาวิทยาลัยยังปล่อยให้ระบบมะเร็งร้ายโซตัสเกาะฝังทำร้ายจิตใจทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่อยู่ นี่คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนของพี่โดยอ้างความรักต่อน้อง เทียบคล้ายได้กับในบางความเชื่อที่พ่อฆ่าลูกแล้วอ้างว่าปกป้องเกียรติวงศ์ตระกูล เพียงแต่ดีกรีความรุนแรงของโซตัสต่างจากความบ้าเช่นนั้นมาก รุ่นพี่ที่มีปมเจ็บปวดจากระบบโซตัสในปีหนึ่งจะไม่ตระหนักหรอกว่านั่นคือปมในจิตใต้สำนึก ถ้าเขาตระหนักเขาจะไม่กระทำสิ่งเหยียดหยามต่อคนอื่นในแบบที่เขาเคยโดน เขาคิดง่ายๆ ว่าโลกภายนอกมหาวิทยาลัยเหมือนสนามรบ ถ้าไม่เตรียมจิตใจความพร้อมของน้องก็จะออกไปสู้โลกไม่ได้
ขณะที่โลกภายในมหาวิทยาลัยก็เป็นโลกที่โหดร้าย ไม่ชอบช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หากไม่ได้ผ่านความทุกข์ระทมร่วมกันมา นี่คือแฟนตาซีที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริงสักนิด คนถ้าอยากสัมพันธ์ก็จะสัมพันธ์กันอยู่แล้ว ถ้าได้โปรแกรมดีๆ ยิ่งจะต่อเชื่อมกัน โซตัสอาจบีบให้คนรักและเคารพคนในช่วงสั้น แต่ถ้าในระยะยาวคนที่ถูกสั่งให้ได้รับการรักและเคารพนั้นชั่วขึ้นมา ก็อย่าหวังว่าจะได้รับความรักและความเคารพอีกต่อไป วิถีชีวิตนั้นเดินเช่นนี้เองโดยโซตัสไม่ต้องมาสั่ง การใช้ความรุนแรงด้วยวาจาและทางกายมีแต่จะทำให้เกิดปมเกลียดปมเสียในใจน้อง สำหรับบางคนแล้วปมนี้ไม่เคยลบหาย กลายเป็นคนที่วางแผนเอาคืนสังคมในรูปต่างๆ ในวัยที่เขาเป็นผู้ใหญ่ต่อไปด้วยซ้ำ
ไม่ใช่แค่เด็กหรือผู้ปกครองเท่านั้นที่จะคิดไม่เป็น คนระดับครูบาอาจารย์หลายคนที่มีความสามารถทางวิชาการเป็นเลิศแต่อีคิวต่ำก็คิดไม่เป็นเหมือนกัน สังคมแบบไทยที่จำแนกบุคคลไม่เท่ากันมีส่วนทำให้บุคคลที่อยู่ในสถานะสูงจำนวนหนึ่งเหลิงอำนาจ เพราะบางอย่างในมือเขาชี้อนาคตของคนที่ด้อยกว่าได้จริง ในที่นี้คือการให้เกรดในวิชาที่เขามีอำนาจเต็ม ในสังคมที่ถูกหล่อหลอมแย่งชิงโอกาสเหยียบกันขึ้นไปโตก็สอนให้เลียแข้งเลียขา คล้อยตามคนมีอำนาจผู้หลักผู้ใหญ่ขึ้นไปโตด้วย
สิ่งเหล่านี้มีอยู่ในมหาวิทยาลัยมานาน ขณะที่การสอนสมัยใหม่ เน้นการแสดงความสามารถทางความคิดของทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ในเชิงวิชาการอย่างเท่าเทียม แต่บางคลาสที่มีอาจารย์ใจแคบ บีบกรอบให้ทั้งตนเองและลูกศิษย์เชื่อว่าทางที่ถูกต้องมีแต่ทางของฉัน ไม่ยอมรับความคิดใหม่ แต่นั่นยังไม่เท่ากับการที่อาจารย์ไทยช่างเป็น "ไทย" อย่างยิ่งคือปนเรื่องการคัดง้างทางวิชาการกับเรื่องส่วนตัว หากไม่ชอบความคิดเด็กหรือเด็กไม่เคารพกลัวลานก็จะด่าว่าเด็ก ถ้อยคำดูถูกเพราะนึกว่าเด็กนั้นด้อยกว่าทุกอย่างไม่อาจตอบโต้ได้ บางคนเตลิดไปถึงขั้นใช้เกรดในมือบีบเด็กทำรายงานวิจัยให้หรือบำเรอความต้องการทางเพศ สิ่งเหล่านี้อาจสมยอมเพราะเด็กก็ต้องการเรียนจบ ได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัยดี ๆ ออกไปทำงาน และเขาก็จะได้ความเห็นแก่ตัวจากอาจารย์นั่นแหละ เมื่อมีโอกาสเขาก็อาจทำกับคนด้อยกว่าในสังคมตามปมจิตใต้สำนึกต่อไป