Facebook, Google, Microsoft, Apple

ช่วงสัปดาห์ที่แล้วเป็นช่วงประกาศผลการดำเนินงานรายไตรมาสของบริษัทต่างๆ ในอเมริกา
บริษัทขวัญใจชาวไทยอย่างเช่น Facebook, Google, Microsoft, Apple ก็ทยอยประกาศผลการดำเนินงานออกมาเช่นเดียวกัน ซึ่งผลการดำเนินงานของบริษัทเหล่านี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์และทิศทางของหลายๆ อุตสาหกรรมในโลกนี้ครับ ดังนั้น เรามาลองดูผลการดำเนินงานของยักษ์ใหญ่เหล่านี้ รวมทั้งลองวิเคราะห์ที่มาที่ไปกันด้วยนะครับ
เริ่มต้นจาก Facebook ก่อนครับ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของเมื่อปีที่แล้วกำไรของ Facebook เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ในขณะที่รายได้ก็เพิ่มติดต่อกันสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 9 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว และที่สำคัญกว่าร้อยละ 60 ของรายได้ Facebook มาจากการโฆษณาบนอุปกรณ์ Mobile
ผลการดำเนินงานของ Facebook สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าสนใจหลายประการครับ เริ่มจาก Strategic Positioning ของ Facebook ที่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงแค่สื่อสังคมออนไลน์เท่านั้น แต่เริ่มปรับตัวเป็นผู้ให้บริการ platform สำหรับการโฆษณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโฆษณาผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ทั้งหลาย
นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นอีกว่าถึงแม้ว่า Facebook จะสูญเสียบรรดาผู้ใช้ที่เป็นวัยรุ่นทั้งหลายให้กับ Social Media อื่นๆ แต่ขณะเดียวกันการเพิ่มขึ้นของผู้เล่น Facebook ที่เป็นผู้ใหญ่ (Facebook เพิ่มจำนวนผู้ใช้ถึง 40 ล้านบัญชีในไตรมาสที่ผ่านมา) กลับกลายเป็นตัวผลักดันรายได้จากการโฆษณาให้สูงขึ้น
จาก Facebook เรามาดูอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ในวงการโฆษณาออนไลน์อย่างเช่น Google บ้างครับ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้วรายได้ของ Google ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 (ยังไม่นับรวมรายได้ที่จะมาจากการขาย Motorola Mobility ให้กับ Lenovo ครับ) เช่นเดียวกับกำไรที่เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
การเติบโตของรายได้ของ Google นั้นหลักๆ มาจากรายได้ค่าโฆษณาบนหน้าเว็บหลัก ไม่ว่าจะเป็น Google หรือ Youtube ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ค่าโฆษณานั้นมาจากการขาย Apps บน Google Play สำหรับผู้ที่ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่บนระบบ Android
จาก Google เรามาดู Microsoft กันบ้างนะครับ อดีตยักษ์ใหญ่ของวงการคอมพิวเตอร์ที่ในช่วงหลังต้องปรับตัวกันขนานใหญ่เพื่อให้ทันกับคู่แข่งขันใหม่ๆ มาไตรมาสที่ผ่านมาหลังจากที่การเข้าไปซื้อ Nokia ของ Microsoft เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ก็ส่งผลทำให้กำไรจากการดำเนินงานของ Microsoft ลดลงถึง 700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนอกจากการขาดทุนของ Nokia ที่จะฉุดผลการดำเนินงานของ Microsoft แล้ว ล่าสุด CEO ของ Microsoft อย่าง Satya Nadella ยังประกาศลดพนักงานของ Microsoft ลงอีก 18,000 คน ซึ่งถือเป็นการลดพนักงานลงสูงสุดของยักษ์ใหญ่นี้ ซึ่งจาก 18,000 คนนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็จะมาจากผู้ที่อยู่ Nokia มาก่อน นั่นเอง
ถ้าไม่นับ Nokia แล้ว ธุรกิจอื่นๆ ของ Microsoft ก็ยังมีอนาคตที่สดใสอยู่ครับ รายได้จากธุรกิจอื่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันกำไรก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้น คงต้องดูกันในระยะยาวครับว่าการตัดสินใจซื้อ Nokia ของ Microsoft นั้นจริงๆ แล้วถูกหรือไม่
บริษัทสุดท้ายเรามาดูกันที่ Apple ครับ หลายท่านอาจจะคิดว่า Apple เริ่มเดินทางถึงขาลงเมื่อขาด Steve Jobs แต่ขนาดที่ Apple ยังไม่ได้ขาย iPhone 6 Apple ยังมีการเติบโตของกำไรถึงร้อยละ 12% ซึ่งการเติบโตในรายได้ของ Apple นั้นส่วนใหญ่มาจาก iPhone ที่ขายได้สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 12.7 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของยอดขาย iPhone ในกลุ่มประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ซึ่งในกลุ่มประเทศเหล่านี้ยอดขาย iPhone เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 55
อย่างไรก็ดี ในทางกลับกันยอดขายของ iPad นั้นกลับลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วถึงร้อยละ 9 ซึ่งยอดขายของ iPads นั้นตกลงมาสองไตรมาสติดต่อกันแล้ว ซึ่งการตกต่ำของ iPad นั้นก็ไม่ได้เป็นที่ตัว iPad อย่างเดียวครับ ดูเหมือนผู้ผลิต Tablet ทั่วโลกต่างก็กำลังประสบกับปัญหายอดขายของ Tablet ที่ไม่เข้าเป้า
จากข้อมูลของสี่บริษัทข้างต้น ท่านผู้อ่านคงพอจะเห็นแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ Mobile Business นะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโฆษณาผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่ๆ ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะขายได้และเติบโตต่อไปได้อีก โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนาและมีการเติบโตทั้งหลาย สำหรับ Apple นั้น เชื่อว่าการออก iPhone6 ภายในปลายปีนี้ก็จะช่วยกระตุ้นยอดขายของ Apple ขึ้นมาอีก ซึ่งก็จะส่งต่อธุรกิจ Mobile Advertising ต่อไปครับ







