ทุนทางปัญญา แม้ไม่มีเงินตรา ก็พัฒนาองค์กรได้

ทุนทางปัญญา แม้ไม่มีเงินตรา ก็พัฒนาองค์กรได้

ไม่มีเงิน แล้วจะเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ยังไง

เราทราบกันดีแล้วว่า การพัฒนา คือ การเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น นั่นก็คือ การเปลี่ยนจากระดับเดิม ไปสู่ระดับใหม่ที่ดีกว่า ในมุมมองของคนในองค์กรนั้นๆ และเนื่องจากการมีระดับ 2 ระดับ คือ ระดับเดิม และ ระดับใหม่ที่ดีกว่า ดังกราฟ ลูกศรแสดงทิศทางการเคลื่อนตัวขององค์กร จากระดับเดิม ไปสู่ ระดับใหม่

การที่จะทำให้องค์กรทั้งหมด เปลี่ยนจากระดับเดิมไปสู่ระดับใหม่นั้น ต้องอาศัยพลังมหาศาลทั้งภายใน และ ภายนอก เพื่อให้องค์กรขยับระดับขึ้นมาได้ เราเรียกสิ่งที่จะทำให้เกิดพลังเหล่านี้นี้ว่า ทุน (Capital)

ทุนที่ทุกท่านรู้จักกันดีคือ “ทุนทางอุตสาหกรรม” อันได้แก่ 1. Man : แรงงาน 2. Material : วัตถุดิบ 3. Machine : เครื่องมือ เครื่องจักร 4. Method : ขั้นตอน วิธีการ 5. Money : เงิน

ซึ่งทุกๆ องค์กรล้วนแล้วแต่จะมี “ทุน” เหล่านี้ด้วยกันทั้งสิ้น และที่จะโอดครวญมากที่สุด ก็คือ ทุนตัวสุดท้ายที่เรียกว่า “เงิน” ที่สามารถเนรมิตทุนตัวอื่นๆ ได้หากมี “เงิน” จำนวนมากๆ เช่น เงินใช้จ้างแรงงานมาทำงาน, เงินสามารถซื้อวัตถุดิบ เครื่องจักรคุณภาพดีที่สุด รวมถึง เงินสามารถแลกกับขั้นตอนหรือวิธีการระดับโลก ได้ด้วย

แต่องค์กรจะขับเคลื่อนไปได้อย่างไร หากไม่มี “เงิน” มีทุนอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ต้องใช้ “เงิน” ในการสร้างทุนเหล่านี้ขึ้นมา เราเรียกทุนนี้ว่า ทุนทางปัญญา (Intellectual Capital)

๐ เป็นทุนที่ “ไม่ต้องใช้เงิน” ในการแลกมาแต่อย่างใด

๐ เป็นทุนที่ “มีพลังมหาศาล” บางองค์กรสามารถพลิกโลกได้ด้วยทุนนี้

๐ เป็นทุนที่ “มีเหมือนกันอยู่แล้ว” เพียงแค่ยังค้นหาไม่พบเท่านั้นเอง

๐ เป็นทุนที่ “ไม่ต้องไปแสวงหา” ที่ไหนไกล เพราะมันอยู่ภายในองค์กรเอง

๐ เป็นทุนที่ “สามารถนำมาใช้ได้อย่างไม่มีวันจบสิ้น” หากรู้วิธีใช้ให้เป็น

ทุนทางปัญญา ประกอบด้วย ทุนทั้งหมด 3 ชนิดคือ 1. Human Capital : ทุนมนุษย์ 2. Social capital : ทุนทางสังคม 3. Structural Capital : ทุนทางโครงสร้าง

มารู้จักกันทีละตัวนะครับ เริ่มจาก

1. Human Capital (ทุนมนุษย์)

ทุนตัวนี้ แตกต่างอย่างแรงกับ ทุนทางอุตสาหกรรม ที่ชื่อว่า Man (อย่างน้อยก็เขียนต่างกัน) กล่าวคือ

๐ Man กล่าวถึง คน ที่เป็นแรงงาน เพราะเป็นทุนที่เกิดขึ้นจากช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม

๐ Human กล่าวถึง คน ที่เป็นมนุษย์ มีความคิด ความรู้ ความสามารถ จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก ซึ่งทำให้ทุนมนุษย์เกิดพลังขึ้นได้มากมายมหาศาลจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ นั่นเอง มากกว่าเพียงแค่ แรงงาน เท่านั้น

2. Social capital (ทุนทางสังคม)

ทุนตัวนี้ เกี่ยวเนื่องมาจาก ทุนตัวที่ผ่านมา คือ ทุนมนุษย์

หากจะกล่าวได้ว่า ทุนมนุษย์ 1 คน สามารถสร้างพลังในการเปลี่ยนแปลงได้มากมาย ด้วยพลังต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นในเรื่องทุนมนุษย์แล้ว

ทุนทางสังคมตัวนี้ จะยิ่งทวีพลังแห่งทุนมนุษย์ ในการเปลี่ยนแปลงได้เป็นทวีคูณไปอีก โดยจะเกิดขึ้นเมื่อ สามารถเชื่อมต่อ ทุนมนุษย์ เข้าด้วยกันได้

ให้จินตนาการ มด 1 ตัว ที่มีปัญญา

มด 1 ตัว สามารถยกของที่หนักกว่าตัวของมันได้ 10 เท่า แต่หากมี มด 20 ตัว สามารถยกของที่หนักกว่าพวกมันได้ถึง 200 เท่า

และหากว่า มดทุกๆ ตัวมีปัญญา สามารถประดิษฐ์เครื่องมือช่วยยกของได้ มดปัญญา 1 ตัว สามารถสร้างเครื่องมือยกของที่หนักกว่าตัวของมันได้ 30 เท่า มดปัญญา 20 ตัว สามารถสร้างเครื่องมือยกของที่หนักกว่าพวกมันได้ 600 เท่า

การร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน นั่นคือ 1 ใน ทุนทางสังคม

3. Structural capital (ทุนทางโครงสร้าง)

ทุนตัวนี้ เกี่ยวเนื่องมาจาก ทุนตัวที่ผ่านมา คือ ทุนทางสังคม

เมื่อเราทราบว่า ทุนทางสังคม สามารถเชื่อมต่อ ทุนมนุษย์ ให้เกิดพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทวีคูณ แต่หากคนจำนวนหนึ่งในองค์กร ต้องไปทำงานอย่างอื่นที่เหนือกว่า เช่น งานบริหาร หรือ งานอื่นๆ ในสายเดียวกัน พลังที่ว่านั้นก็จะหายไป

จึงต้องมีทุนอีกตัวหนึ่ง เข้ามาเป็น ฐานรองรับ ทุนทางสังคม ให้อยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน เราเรียกทุนนี้ว่า “ทุนทางโครงสร้าง”

ยกตัวอย่างเดิม

หากมดปัญญา 20 ตัว มีเครื่องมือยกของที่หนักกว่าพวกมันได้ 600 เท่าแล้ว หากมันจะยกของหนัก 600 เท่าจริงๆ แต่มีมดปัญญาไปทำงานอื่น 5 ตัว ทำให้มดปัญญาเหลือเพียง 15 ตัว ก็ไม่สามารถยกของดังกล่าวให้สูงขึ้นได้ มันจึงต้องประดิษฐ์ ชั้นเหล็ก ที่สามารถรองรับของหนัก 600 เท่า เพื่อมันจะได้นำของชิ้นนี้ ไปวางไว้บนชั้นนี้ เพื่อมันจะได้ไปทำงานอื่นๆ ได้