ชิงดีชิงเด่นที่มีแต่คนแพ้

การแข่งขันชิงดีชิงเด่นมีอยู่ทุกวงการ ตราบเท่าที่คนยังต้องทำงานร่วมกัน
แม้แต่วงการที่ว่ากันว่ามุ่งหาความสงบและการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงก็ยังมีการชิงดีชิงเด่นให้เห็นเช่นกัน การแข่งขันชิงดีชิงเด่นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสร้างความก้าวหน้าให้เกิดขึ้น วงการใดที่ไม่มีการแข่งขันระหว่างกัน วงการนั้นมักไม่ค่อยจะมีอะไรใหม่ เคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น หลายวงการจึงส่งเสริมให้มีการชิงดีชิงเด่นกันโดยมีการกำกับกติกาให้การแข่งขันชิงดีชิงเด่นนั้นอยู่ในขอบเขตที่ไม่ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ วงการนั้นก็ก้าวหน้าขึ้นได้จากการแข่งขันนั้น ชิงดีชิงเด่นที่ให้ผลสุดท้ายไปในทางที่เป็นบวก
อย่างไรก็ตาม ยังมีการชิงดีชิงเด่นที่ให้ผลในทางตรงข้าม คือชิงดีชิงเด่นกันแต่จบลงด้วยการที่ไม่มีใครได้ดีอะไรสักอย่าง เป็นการชิงดีชิงเด่นที่มีแต่ผู้แพ้ ทั้งคู่แข่งขัน ทั้งวงการนั้น ต่างลงเอยด้วยความเสียหายจากการชิงดีชิงเด่นนั้น การชิงดีชิงเด่นที่ให้ผลลัพธ์ที่เป็นคุณต่อวงการ สมควรได้รับการส่งเสริมให้มีขึ้น แต่การชิงดีชิงเด่นที่จบลงด้วยความเสียหายของทุกฝ่ายนั้น ไม่ควรจะทำให้เกิดขึ้น
ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าการชิงดีชิงเด่นที่จบลงด้วยประโยชน์กับวงการนั้น มักเกิดขึ้นจากการแข่งขันระหว่างคนที่มีฝีมือ และคนใดคนหนึ่งมีฝีมือมากกว่าอย่างเด่นชัด ชิงดีชิงเด่นกันไม่กี่กระบวนท่า ก็รู้แพ้รู้ชนะกันแล้ว และวงการที่มีการแข่งขันนั้นก็จะมีความก้าวหน้าอย่างใดอย่างหนึ่งปรากฏให้เห็นหลังจากชัยชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในวงการโทรศัพท์มือถือ โนเกียชิงดีชิงเด่นกับซัมซุง และวงการโทรศัพท์มือถือก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับหนึ่งหลังจากชัยชนะของซัมซุง การชิงดีชิงเด่นระหว่างยักษ์ใหญ่ในวงการโทรศัพท์มือถือนี้ไม่ใช่สงครามครูเสดที่สู้กันยาวนานนับสิบนับร้อยปี คนที่เหนือกว่าเอาชนะคนที่ด้อยกว่าได้ในเวลาไม่นาน
ดังนั้น ถ้าเป็นการชิงดีชิงเด่นระหว่างคนที่ต่างมีฝีมือ และคนหนึ่งฝีมือเหนือกว่าอีกคนหนึ่ง ผลการชิงดีชิงเด่นมักลงท้ายด้วยความก้าวหน้าของวงการนั้น ในทางตรงข้ามหากคนที่ชิงดีชิงเด่นกันนั้นต่างฝ่ายต่างไร้ฝีมือ การชิงดีชิงเด่นเพื่อหาผู้ชนะมักกินเวลายาวนาน และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของวงการนั้น ลองนึกถึงเกมสนุกเกอร์ หรือเทนนิสที่คู่แข่งขันต่างคนต่างมืออ่อนทั้งคู่ คนดูเกมนี้จะเบื่อหน่ายมาก เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีลีลาอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ จะแพ้จะชนะกันได้ก็แค่ใครอึดกว่ากันเท่านั้น คนอื่นจะมาใช้โต๊ะ ใช้สนามก็ใช้ไม่ได้ เพราะติดเกมของคู่แข่งขันอ่อนด้อยฝีมือ วงการจึงเสียหายจากการชิงดีชิงเด่นของคู่แข่งที่ต่างไร้ฝีมือ ก่อนจะชิงดีชิงเด่นกันต้องประเมินตัวเองก่อนว่ามีฝีมือพอจะแข่งขันเอาชนะกันได้หรือไม่ อย่าชิงดีชิงเด่นกันเพียงแค่มั่นใจว่าตัวฉันอึดกว่า
การชิงดีชิงเด่นที่จบลงด้วยการที่ทุกคนแพ้หมดนั้นส่อแววมาตั้งแต่เริ่มมีการเล่นนอกกติกาเกิดขึ้นบ่อยๆ แข่งกันครู่เดียวก็เริ่มชกใต้เข็มขัดกันแล้ว ซึ่งอธิบายได้ว่าคนที่ชิงดีชิงเด่นกันอยู่นั้นไม่มีฝีมือพอจะนึกคิดหากลวิธีที่จะมาเอาชนะคู่แข่งขันภายใต้กติกาได้ เลยต้องตุกติกกติกานั้นกติกานี้เพื่อเอาชนะให้ได้ หากพบการเล่นนอกกติกาในการชิงดีชิงเด่นใด ให้ตั้งธงไว้ก่อนเลยว่าการชิงดีชิงเด่นนั้นจะจบลงด้วยการที่แทบไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับการชิงดีชิงเด่นนั้นได้ประโยชน์ใดๆ ตั้งใจจะมาดูการแข่งขันฟุตบอล แต่ได้ดูมวยหมู่แทน คนแข่งขันกันก็เจ็บ กรรมการก็โดนลูกหลงจนเจ็บ กองเชียร์ก็เจ็บ ทุกฝ่ายแพ้หมด
ถ้าชิงดีชิงเด่นกันแบบตัวต่อตัว การชิงดีชิงเด่นนั้นมักจบลงด้วยประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นกับคนใดคนหนึ่ง โดยที่องค์กรก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ถ้าเริ่มจากตัวต่อตัวแล้วเอาชนะกันไม่ได้ แล้วเริ่มสะสมพรรคพวก เริ่มสะสมเส้นสาย จากเดิมหัวหน้าเกรด A เลือกผู้ร่วมงานเกรด A เหมือนตนเอง กลายเป็นหัวหน้าเกรดBเลือกผู้ร่วมงานเกรด C เกรด D เพียงเพราะเป็นพรรคพวกของฉัน องค์กรนั้นจึงขับเคลื่อนด้วยคนฝีมือแค่เกรด C เกรด D การงานคงยากที่จะก้าวหน้าไปได้ หากชิงดีชิงเด่นกันโดยเล่นเส้นสายมากขึ้น เล่นพรรคเล่นพวกมากขึ้นอย่างไม่รู้จักละอาย การชิงดีชิงเด่นนั้นจะจบลงด้วยการที่ไม่มีใครได้อะไรจากการชิงดีชิงเด่นนั้น
การชิงดีชิงเด่นที่จบลงด้วยการที่มีแต่คนแพ้มักมาจากการชิงดีชิงเด่นของคนที่มีอัตตาเป็นสรณะ องค์กรจะดีได้นั้นต้องวิธีของฉันเท่านั้น การชิงดีชิงเด่นระหว่างคู่แข่งขันที่อุดมอัตตา แต่ขาดแคลนฝีมือ มักยืดเยื้อยาวนานและน่ารำคาญเป็นที่สุดใครจะชิงดีมาได้ วงการก็จะแย่อยู่ดี เพราะไม่ได้ชิงดีกันด้วยความรู้ หรือความสามารถ แต่ชิงดีกันด้วยวาทะที่ทำให้อีกคนดูแย่กว่า ชิงดีกันด้วยการเล่นพรรคเล่นพวกเท่านั้น เจ้าอัตตาด้อยฝีมือชิงชัยกันเมื่อใด ผู้คนในองค์กรจะย่ำแย่ต่อเนื่องยาวนานจากการไม่แพ้ไม่ชนะของคู่ชิงดีชิงเด่นที่มากด้วยอัตตา แต่อ่อนด้อยด้วยฝีมือ







