สร้างคอนเทนท์อย่างไร ไม่ให้สูญเปล่า

สร้างคอนเทนท์อย่างไร ไม่ให้สูญเปล่า

กลยุทธ์การตลาดคอนเทนท์ (Content Marketing) กลายเป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์หลักที่สำคัญ

เพราะสามารถสร้างลูกค้ามุ่งหวังใหม่และยังสร้างการรับรู้ในตราสินค้าได้ หลายบริษัทจึงเริ่มลงมือปฏิบัติการตลาดคอนเทนท์อย่างจริงจัง ด้วยความหวังว่าผู้บริโภคจะค้นหาคอนเทนท์ของตนเองเจอใน "เสิร์ชเอ็นจิ้น" และกลายมาเป็นลูกค้าของตนเองในที่สุด

อย่างไรตามกลยุทธ์การตลาดคอนเทนท์ ไม่เพียงแค่การสร้างเนื้อหาบทความบล็อกวีดิโอคลิปเท่านั้น แต่จะต้องคำนึงถึงการสร้างคอนเทนท์ให้โดนใจและถูกเวลาด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายผู้บริหารส่วนใหญ่มักจะคล้อยตามความสำคัญของคอนเทนท์ แต่สุดท้ายแล้ว ก็มองคอนเทนท์ เป็นต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายที่สูง และก็ถามถึงผลตอบแทนการลงทุนนี้เสมอ แน่นอนว่าการวิเคราะห์ผลตอบแทนการลงทุนไม่ใช่เรื่องที่ง่ายอีกเช่นกัน

ลองพิจารณาแนวทางต่อไปนี้ อาจช่วยตอบคำถามยากๆข้างต้นได้

1.เริ่มต้นจากการวางแผนการตลาดคอนเทนท์

การตลาดที่ไม่มีกลยุทธ์และการวางแผนที่ดี ก็เปรียบเสมือนการล่องเรือที่ไม่มีเป้าหมายการตลาดคอนเทนท์ก็เช่นกัน จะต้องวางแผนการตลาดให้ดีและต้องสอดคล้องกับกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ ด้วยทั้งออฟไลน์และออนไลน์

รายงานการศึกษาการตลาดคอนเทนท์กับบริษัทในสหรัฐ จำนวน 4,397 บริษัท โดย The Content Marketing Institute and MarketingProfs ปี 2557 ระบุว่าร้อยละ 66 ของบริษัทเหล่านั้นมีการวางแผนการตลาดคอนเทนท์ที่เป็นลายลักอักษณ์อย่างชัดเจน ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้านี้ที่มีเพียงร้อยละ 11 เท่านั้น แสดงให้ว่าธุรกิจไม่สามารถดำเนินการตลาดคอนเทนท์อย่างไร้แผนงานอีกต่อไป หากต้องการประสบความสำเร็จ

หัวข้อที่จำเป็นต้องมีในแผนการตลาดคอนเทนท์ ประกอบด้วย

การวางตำแหน่งการตลาด (Market Position)

หัวข้อของคอนเทนท์ ที่บริษัทมีความชำนาญเพื่อนำมาผลิต

กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเจาะเน้นที่กลุ่มเป้าหมายหรืออุตสาหกรรมของลูกค้าหลักๆ

ประเภทของคอนเทนท์ ความถี่ในการเผยแพร่และทรัพยากรที่มีในการผลิตคอนเทนท์

การตลาดคอนเทนท์ อาจเป็นสิ่งใหม่ที่ยังไม่มีการกำหนดหัวข้อของแผนการตลาดอย่างชัดเจน แต่อย่างน้อยขอให้มีแผนงานที่เป็นลายลักษณ์อักษรบ้าง จะผิดจะถูกก็ไม่เป็นไรเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีเป้าหมายและยุทธวิธีร่วมกัน

การวางตำแหน่งการตลาดมีความสำคัญอย่างมากผู้ปฏิบัติงานควรจะมี Character ที่เหมือนกัน ไม่เช่นนั้น แต่ละคนจะมีสไตล์ในการผลิตคอนเทนท์และโต้ตอบผู้แสดงความคิดเห็นที่ต่างกัน ทั้งในเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ หรือ บล็อกก็ตาม ซึ่งจะสะท้อนไปถึงแบรนด์ของคุณเอง

2.ผลิตคอนเทนท์ที่มาจากความชำนาญของคุณและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า

การผลิตคอนเทนท์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยมันไม่ใช่งานแปลหรือคัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์ต่างๆ คอนเทนท์ ที่คุณผลิตจะต้องมาจากความชำนาญของบริษัทและเป็นสิ่งที่ลูกค้ากำลังมองหาด้วยเช่นกัน ถ้าคุณสร้างคอนเทนท์ที่บริษัทของคุณไม่ชำนาญเลย คุณกำลังสอนลูกค้าของคุณและพวกเขาอาจจะไปซื้อสินค้าจากผู้ที่ชำนาญมากกว่าแทน

คอนเทนท์ที่มาจากประสบการณ์จริงของบริษัทจะดีที่สุดเช่นกรณีศึกษาของลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทบทสัมภาษณ์ของลูกค้าที่พึงพอใจรูปภาพงานแสดงสินค้าของบริษัทเป็นต้น

3.ผลิตคอนเทนท์ร่วมกับคู่ค้า

ทุกธุรกิจย่อมมีคู่ค้าที่เป็นซัพพลายเออร์ หรือตัวแทนจำหน่ายคุณ ก็เช่นกันคุณสามารถผลิตคอนเทนท์ร่วมกับคู่ค้าของคุณเช่นบทความวีดิโองานสัมมนาเป็นต้นด้วยกลยุทธ์นี้ คุณจะได้คอนเทนท์ ที่ต้นทุนที่ไม่สูงและยังได้ความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าด้วย

4.คอนเทนท์จะต้องสอดคล้องกับกลยุทธ์การตลาดออนไลน์อื่นๆ

คอนเทนท์ที่คุณผลิตจะต้องสอดคล้องไปในทางเดียวกับการตลาดออนไลน์อื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะการตลาดเสิร์ชเอ็นจิ้น ที่จะต้องพิจารณาถึงคีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับคอนเทนท์ นอกจากนี้ก็ให้พิจารณาความสอดคล้องกับการตลาดอีเมล์และแคมเปญโฆษณาออนไลน์ด้วยพยายามอย่าผลิตคอนเทนต์ที่สะเปะสะปะเพราะว่ามันจะกระจายความสนใจและไม่น่าเชื่อถือ

5.ต้องวิธีวัดผลลัพธ์ความสำเร็จของการตลาดคอนเทนท์ด้วย

สุดท้ายแล้วเราคงจะไม่สามารถดำเนินกลยุทธ์การตลาดคอนเทนท์แบบไร้เป้าหมายได้ผู้บริหารเองก็ต้องการทราบผลตอบแทนการลงทุนด้วยเช่นกัน งานนี้จึงเป็นงานใหญ่ของนักการตลาด ที่จะต้องทราบก่อนว่าคอนเทนท์ของคุณอยู่ในสื่อออนไลน์ใดบ้างและดึงผู้อ่านมายังเว็บไซต์ของคุณอย่างไร เพื่อให้เกิดการแปลงเป็นลูกค้าหรือที่เรียกว่า Conversion

กระบวนเหล่านี้สามารถตรวจสอบได้ และวัดมูลค่าเป็นตัวเงินได้ด้วยเช่นกัน เครื่องมืออย่าง Google Analytics อาจเพียงพอในเบื้องต้น แต่ต้องไม่ลืมว่าคอนเทนท์ของคุณ ไม่ได้อยู่ในเว็บไซต์ของคุณเท่านั้น ดังนั้นจะต้องประเมินมูลค่าของคอนเทนท์ที่กระจายในสื่อออนไลน์ทั้งหมดด้วย

เพียงเท่านี้ก็สามารถผลิตคอนเทนท์แล้วไม่สูญเปล่า และหวังว่าคอนเทนท์ของคุณจะสร้างรายได้และคืนทุนในเร็ววัน