สุญญากาศ "ภาครัฐ" ตัวเร่ง ดับ (ทุก) ฝันอุตฯไอที

สุญญากาศ "ภาครัฐ" ตัวเร่ง ดับ (ทุก) ฝันอุตฯไอที

เมื่อเร็วๆ นี้ "สถาบันไอเอ็มซี" สถาบันพัฒนาบุคคลากรด้านไอทีของไทย นายธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบัน

แสดงความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า การที่ประเทศไทย ยังไม่มีรัฐบาลขณะนี้ ได้ส่งผลให้เกิดสุญญากาศขาดการลงทุนด้านไอทีจากหน่วยงานภาครัฐ และกระทรวงต่างๆ ไร้ซึ่งเมกะโปรเจค และไม่มีลงทุนด้านไอซีทีอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การลงทุนด้านไอซีทีมีเพียงโครงการแทบเล็ต ป.1 เท่านั้น

ขณะที่ คลาวด์ คอมพิวติ้งภาครัฐก็ขาดการส่งเสริมและการลงทุนพัฒนาระบบหลังบ้านอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือหากภายในครึ่งปีแรกนี้ ไทยยังจัดการเลือกตั้งเพื่อมีรัฐบาลใหม่ไม่ได้ ก็ทำให้งบประมาณด้านไอซีทีปี 2558 อาจจะอนุมัติไม่ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี

ประเด็นดังกล่าวเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังต้องได้รับการเหลียวแลกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการที่ไทยขาดบุคลากรด้านไอทีเข้ามาป้อนตลาด ในภาวะที่ตลาดขยายตัวอย่างมาก และปีหน้าจะเปิดสู่ประชาคมอาเซียน (เออีซี)

พร้อมกันนี้มีข้อมูลของสถานศึกษากว่า 100 แห่งทั่วประเทศพบว่า แต่ละปีมีบุคลากรด้านไอทีจบการศึกษาปีละ 10,000-15,000 คน แต่จะเหลือเพียง 5,000 คนเท่านั้นที่เข้ามาในอุตสาหกรรมไอทีจริงๆ และที่เข้ามาในวงการก็ยอมรับว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง รวมทั้งไม่ได้รับการอบรมมาเฉพาะทาง

พูดถึงเรื่องการเปิดเออีซีแล้ว ถึงวันนี้ ยังไม่รู้เลยจะเอาอะไรไปสู้กับเขา สู้กันในประเทศก็ยังไม่จบไม่สิ้น มองไปทางไหน ช่างมืดมนริบรี่ยิ่งนัก ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจรอบโลก รอบภูมิภาคเขามีแต่ตื่นเต้น ดีใจ เทคโนโลยีใหม่ๆ เตรียมขยับเข้ามาสร้างความคึกคัก แต่พอหันมองกลับมาประเทศไทยแล้ว ช่างมีแต่ความหดหู่ เศร้าหมอง ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น

บริษัทต่างชาติที่เคยมีเงินทุนหนาๆ มองไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนก็เริ่มลดงบ ตัดงบ ไม่ต้องอื่นไกล มองใกล้ๆ ตัวที่งานคอมมาร์ต ช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ผู้บริหารเออาร์ไอพี (คุณปฐม อินทรโรดม) ได้ออกมาแสดงความเห็นผ่านหน้าเฟซบุ๊คตัวเองว่า "งานคอมมาร์ตช่วงที่ผ่านมา บริษัทต่างชาติได้ตัดงบด้านการตลาดออกไปจนเกือบหมด เอางบไปลงในประเทศที่มั่นคงกว่า อย่างอินโดฯ มาเลย์ฯ หรือแม้แต่ฟิลิปปินส์" ที่โดนภัยธรรมชาติ ก็ยังดูน่าลงทุนกว่า

อ่านแล้ว ฟังแล้ว ช่างน่าเจ็บช้ำยิ่งนัก ในมุมของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในภาคการค้าขายสินค้าไอทีเอง ก็บอบช้ำกันไปตามๆ กัน เรียกได้ว่า มีวี่แววของการปิดตัวบริษัทผู้ค้าให้ได้เห็นกันอยู่เนื่องๆ และก็จะส่งผลถึงเจ้าของแบรนด์ต่างๆ ที่ประคับประคองผู้ค้าเหล่านั้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

หากยังปล่อยให้เกิดสุญญากาศกันไปแบบนี้ คงได้เห็นการทยอยปิดกิจการในภาคธุรกิจที่ต้องแบกความบอบช้ำจากสถานการณ์ ความเสี่ยงที่คาดเดาไม่ถูกกันไปอีกนานเท่านาน ดับฝันหลายอุตสาหกรรมที่กำลังจะเดินหน้าท้าทายในระดับโลก อย่างไม่มีใครช่วยได้ ......