ตำราบทใหม่ (High Value Added)

หากเราพูดถึงการทำงานแล้ว ธรรมชาติของมนุษย์ก็ต้องอยากทำงานที่ชอบ งานที่ถนัด
ซึ่งในอดีตหลายๆ สิบปีที่ผ่านมา อาชีพข้าราชการถือเป็นอาชีพในฝันของคนในสมัยนั้น แต่ต่อมาเมื่อถึงยุคที่ภาคอุตสาหกรรมมีความก้าวหน้าและเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้น คนรุ่นใหม่ที่เรียนจบออกมาก็มักอยากจะทำงานในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่มากขึ้น
ต่างจากยุคปัจจุบันนี้ที่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่อยากจะมีกิจการเล็กๆ เป็นของตนเอง ไม่อยากที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจหรือนักอุตสาหกรรมเหมือนในอดีต ทำให้คนรุ่นใหญ่รู้สึกเป็นห่วงเพราะคิดว่าบริษัทใหญ่ๆ ย่อมมีความมั่นคงมากกว่า
จากสถิติของบริษัทที่จดทะเบียนใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เพราะสำหรับบ้านเราการสร้างอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ค่อนข้างยาก เนื่องจากยังขาดมุมมองใหม่ที่ต้องเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้ทันยุคทันสมัย ทำให้อีกไม่กี่ปีข้างหน้า บางสาขาอาชีพอาจจะหายไป อย่างเช่นบุรุษไปรษณีย์ที่ถูกแทนที่ด้วย Internet Media
ผมขอยกตัวอย่างประเทศเยอรมนี ที่ผมเพิ่งกลับมาจากการไปเยี่ยมเยือน ถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของทวีปยุโรปที่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นจากธุรกิจเอสเอ็มอีแล้วเติบโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในอดีตได้สำเร็จ หรือปัจจุบันเป็นเอสเอ็มอีที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านจนเป็นผู้นำของสินค้าและบริการชั้นนำระดับโลก
จึงมีคำถามว่าบ้านเราจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างไรบ้าง ที่จะก่อให้เกิดความหลากหลายของอาชีพและอุตสาหกรรมให้มากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่อย่างเช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีอย่าง ปตท. เอสซีจี หรือบริษัทเทเลคอมต่างๆเป็นหลัก
จะทำอย่างไรให้บริษัทเล็กๆ หรือ เอสเอ็มอี สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างสูงสุด (High Value Added) รวมถึงสามารถเพิ่มมูลค่าของตลาดสินค้าและบริการ (GDP) จากเงิน 1 บาทที่มีอยู่ กลายเป็นร้อยเท่าเป็นพันๆเท่า เพราะในปัจจุบันนี้ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงจากสังคมเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเป็นสังคมเศรษฐกิจบริการ อย่างที่เราจะเห็นตัวอย่างได้จาก ร้านค้าสะดวกซื้อ เซเว่น-อีเลฟเว่น, เทสโก้ โลตัส, แมคโคร ที่มีขบวนการควบคุมการบริการอย่างมีมาตรฐาน (SOP: Standard Operation Procedure) ทำให้สามารถขยายสาขาได้เป็นจำนวนมาก การทำธุรกิจประเภทนี้สามารถทำรายได้อย่างมาก รวมถึงการจ้างพนักงานได้จำนวนมากก็จริง แต่เงินเดือนและสวัสดิการของพนักงานถือได้ว่าไม่สูงมากนัก
เราจึงต้องกลับมามองดูการดำเนินธุรกิจของบริษัทเล็กๆ ที่ไม่ได้แข่งขันกันเรื่องขนาดหรือเรื่องจำนวนคน แต่สามารถป้อนสินค้าและบริการที่มีความเชี่ยวชาญออกสู่ตลาด อย่างที่ผมยกตัวอย่างไปตอนต้นเมื่อบริษัทมีรายได้สูง พนักงานก็มีรายได้และสวัสดิการสูงตามไปด้วย
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแค่บริษัทเล็กๆ แต่หากเรามี Core Competency ที่แข็งแกร่ง รวมถึงการหาแนวทางสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ บริษัทก็สามารถประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้บริษัทยักษ์ใหญ่เช่นกัน ซึ่งผมเชื่อว่าบริษัทเอสเอ็มอีของบ้านเราก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน







