สมาร์ทคาร์ จุดเปลี่ยนการขับขี่ในยุค IoT

สมาร์ทคาร์ จุดเปลี่ยนการขับขี่ในยุค IoT

ด้วยจำนวนรถยนต์ที่มีมากกว่าหนึ่งพันล้านคันในท้องถนนทั่วโลก

ทำให้การที่อินเทอร์เน็ตจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมรถยนต์ ย่อมสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับกลุ่มเทคโนโลยี และผู้ผลิตรถยนต์ได้อย่างมากมายที่สำคัญสำหรับผู้ใช้รถยนต์ หากมีดนตรีหรือภาพยนตร์ที่ชอบติดตัวมาฟังหรือดูต่อระหว่างเดินทาง ตลอดจนการใช้แผนที่จราจร หรือข้อมูลเส้นทางจุดหมายทางอินเทอร์เน็ตได้ในรถยนต์ ย่อมถูกใจเจ้าของรถอย่างแน่นอน

อุตสาหกรรมรถยนต์ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของการขับขี่รถยนต์มากที่สุด ทำให้ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์จึงไม่ปล่อยให้มีระบบซอฟต์แวร์ หรือดีไวซ์แปลกปลอมเข้าเป็นส่วนประกอบหนึ่งของรถยนต์ได้ง่ายๆ

แต่ด้วยกระแสดิจิทัลและความต้องการของผู้บริโภคยุคนี้ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์จะต้องหันมาพัฒนาและออกแบบฟังก์ชั่นเชิงเอ็นเตอร์เมนท์และการให้ข้อมูลกับผู้ใช้รถให้มากที่สุด เพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างรวดเร็ว ค่ายรถยนต์ต่างๆ หันมาร่วมมือกับบริษัทผู้นำดิจิทัลอย่างแอ๊ปเปิ้ล กูเกิล หรือไมโครซอฟท์ เพื่อให้สามารถนำเอาแอพแผนที่จากกูเกิลและแอปเปิลมาให้ประโยชน์ในการใช้รถใช้ถนนให้ดีที่สุด

ต้องก้าวกระโดด

ในงานแสดงอุตสาหกรรมซีบิท 2014 บริษัทรถยนต์โฟล์คสวาเกน ได้เรียกร้องให้มีความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมรถยนต์และเทคโนโลยีให้มากขึ้น เพื่อ “เชื่อมรถยนต์เข้ากับอินเทอร์เน็ต" ซึ่งดอยช์ เทเลคอม ได้แสดงแอพพลิเคชั่นในลักษณะ Machine-to-Machine (M2M) เช่น การเชื่อมต่อถึงกันของระบบที่จอดรถ ไฟถนน เครื่องล้างรถและอืนๆ โดยมีความหวังที่จะนำเทคโนโลยีและ Internet of Things (IoT) เข้าเป็นหัวใจในการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการขององค์กร

เมื่อต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา กูเกิลได้ร่วมกับ 4 กลุ่มค่ายรถยนต์สำคัญได้แก่ออดี้ จีเอ็ม ฮอนด้า และฮุนได้ รวมถึง เอ็นวิเดีย ผู้ผลิตชิพคอมพิวเตอร์ เพื่อนำเอาเทคโนโลยีของกูเกิล และแอนดรอย์ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการในมือถือมาออกแบบ และใช้งานกับรถยนต์จากกลุ่มพันธมิตร เพื่อเพิ่ม "Infotainment" ให้กับผู้ขับขี่ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะนำเทคโนโลยีกูเกิลเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ

คาดว่ารถยนต์ที่มีเทคโนโลยีของกูเกิลประกอบอยู่นี้ จะออกสู่ตลาดในปลายปีนี้ และในงาน คอนซูมเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ โชว์ (ซีอีเอส) ที่ลาสเวกัสที่เพิ่งผ่านไป ได้มีการนำธีมใหม่ "Car-As-Gadget" หรือ "Connected Car” มาเปิดตัวในงานอีกด้วย

คาร์เพลย์จากแอ๊ปเปิ้ล

แอ๊ปเปิ้ลเริ่มทำงานกับค่ายรถยนต์ตั้งแต่ปี 2555 ด้วยการเสริมให้รถยนต์สามารถเชื่อมเข้ากับแผนที่ของบริษัท และ "สิรี" เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านนำทาง ทำให้การค้นหาข้อมูลเป็นอย่างสะดวก และทันสมัยจนเป็นที่กล่าวขวัญถึง

ล่าสุดในงานอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ที่เจนีวา แอปเปิลได้ประกาศความร่วมมือกับค่ายรถยนต์สำคัญหล่ายค่าย เพื่อจะนำเอา “In-Car Entertainment” และการใช้ข้อมูลผ่านอุปกรณ์อย่างไอโฟนและแอพจากแอ๊ปเปิ้ลมาเพิ่มความบันเทิงให้กับผู้ใช้รถยนต์มากขึ้นอีก

ค่ายรถยนต์กลุ่มแรกที่พร้อมปรับให้อุปกรณ์จากแดีไวซ์จากแอปเปิลสามารถใช้งานกับแบรนด์ของตนพร้อมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในปลายปีนี้ โดยมีแบรนด์ดังอย่างเฟอร์รารี่, เมอร์ซิเดซ เบนซ์ และวอลโว่เป็นผู้นำ ขณะเดียวกันกลุ่มอื่นที่กำลังปรับฟังก์ชั่นให้สามารถใช้งานกับแอ๊ปเปิ้ลได้ยังรวมถึง บีเอ็มดับเบิลย฿ บลิว ฟอร์ด จีเอ็ม จากัวร์ แลนด์โรเวอร์และนิสสันเป็นต้น

แม้กระทั่งบริษัทโทรคมนาคมใหญ่ในยุโรปอย่างโวดาโฟน ก็มีแผนที่จะให้ติดตั้งซิมการ์ดเข้ากับรถโฟลค์สวาเกน และออดี้เพื่อให้รถยนต์สามารถเรียกใช้ไฮสปีดอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย โวดาโฟน และระบบ เอ็ม2เอ็มแพลตฟอร์ม

นอกจากนี้ ในงานซีบิทยังมีการแสดงการเชื่อมต่อของรถยนต์และดีไวซ์ต่างๆ เช่น บีเอ็มดับเบิลยู แสดงการทำงานร่วมกับซัมซุง เกิดเป็น แกแลคซี่เกียร์ (Galaxy Gear) สมาร์ทวอทช์ที่สามารถเรียกดูข้อมูลรถยนต์ผ่านทางหน้าจอ เช่น การติดตามรถยนต์ผ่านทางไกล ตรวจว่าล็อคประตู ปิดหน้าต่างปิดหรือไฟหน้ารถหรือไม่ ฯลฯ รวมถึงค่ายรถยนต์ฮุนไดได้เชื่อมต่อข้อมูลรถยนต์เข้ากับ Wearable Device อย่างกูเกิลกลาส ผ่านระบบคลาวด์เซิร์ฟเวอร์ ของโควิเซนท์

การเคลี่อนไหวของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อย่างรถยนต์ที่ให้ความสำคัญของดิจิทัลมากขึ้น ย่อมทำให้การขยายตัวของดิจิทัล และการใช้งานในเชิงฟังก์ชั่นต่างๆ เกิดขึ้นได้ต่อเนื่อง และเสริมกันในอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย ดังนั้น วันนี้ ดิจิทัลจึงไม่ใช่เพียงเทคโนโลยีที่จำกัดอยู่สำหรับการสื่อสารอย่างอุปกรณ์มือถือเท่านั้น แต่กำลังขยายช่องทางออกไปอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ซึ่งนักธุรกิจไทยควรรู้จัก และเตรียมหยิบมาใช้กับองค์กรของตัวเองให้ทัน