รูปธรรมของการปฏิรูป

ในช่วงที่การเผชิญหน้าทางการเมืองยังดำเนินไปต่อเนื่องนี้ หลายภาคส่วนก็พยายามเสนอแนวทางต่างๆ เพื่อหาทางออก
ให้กับสถานการณ์ในปัจจุบัน และข้อเสนอแนะให้ดำเนินการปฏิรูปก็เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะอดีตกรรมการคอป. ได้เสนอ 5 แนวทาง เริ่มจากข้อแรกที่ระบุว่า จุดร่วมที่ทุกฝ่ายในความขัดแย้ง เห็นตรงกันคือการปฏิรูปประเทศต้องเกิดขึ้น ประเด็นที่ยังไม่ลงรอยและยังถกเถียงกันอยู่คือ “เลือกตั้งแล้วปฏิรูป” หรือ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ซึ่งในความเห็นของนายกิตติพงษ์นั้น หากจะทำให้การปฏิรูปประสบผลสำเร็จและเปลี่ยนพลังความขัดแย้งเป็นพลังสร้างสรรค์ กระบวนการปฏิรูปต้องเกิดขึ้นทันที และหากทุกฝ่ายจริงใจกับการปฏิรูป ก็ต้องอำนวยความสะดวกให้กระบวนการปฏิรูปเริ่มต้นได้จริง
แนวทางข้อต่อมาคือ เรียกร้องให้คู่ขัดแย้งคุยกันใน “เวทีกลาง” ซึ่งต่างจาก “คนกลาง” คือไม่เน้นที่การหา “คนกลาง” ในฐานะ “ปัจเจก” ที่ทุกฝ่ายยอมรับ แต่หมายถึงเวทีที่ประกอบด้วยบุคคลกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนี้แต่ละคนอาจมีมุมมองที่ถูกมองว่าเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่งบ้าง แต่เมื่อมองโดยรวมแล้วต้องมีสภาพของความเป็นกลางเพียงพอที่คู่ขัดแย้งไว้วางใจ แนวทางที่ได้รับการเสนอข้อต่อมา คือเวทีกลางมีหน้าที่ในการเสนอหลักประกัน ที่ทำให้ทุกฝ่ายที่อยู่ในความขัดแย้งเห็นว่าการปฏิรูปจะเกิดขึ้นแน่นอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประเทศ ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง “หลักประกัน” ที่จะเป็นรูปธรรมคือการแสดงให้เห็นเส้นทางสู่การปฏิรูปที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม และที่สำคัญสามารถทำได้ในกระแสความขัดแย้ง ส่วน "เส้นทางสู่การปฏิรูป" นั้นหากนำมาหารือกันใน “เวทีกลาง” ด้วยความไว้วางใจ ก็น่าจะมีการหารือให้ตกผลึก ประเด็นสุดท้ายคือ การพยายามปฏิรูปประเทศในกระแสความขัดแย้งนั้น การปฏิรูปต้องอยู่ในหลักการที่ทุกฝ่ายรับได้หรือ“รับไม่ได้น้อยที่สุด”
ขณะเดียวกัน เอกชน 7 องค์กรก็ได้แถลงว่าความขัดแย้งรุนแรง อย่างต่อเนื่องในสังคมไทยปัจจุบัน และมีแนวโน้มว่าความขัดแย้งนี้จะลุกลามไปอย่างไม่สิ้นสุดนั้น 7 องค์กรภาคเอกชนเห็นว่ามีความจำเป็นต้องแสวงหาทางออกอย่างเร่งด่วนจึงได้ร่วมกันจัดเวทีกลางเพื่อรับฟังความเห็นและแนวทางแก้ไขจากกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งที่เป็นคู่ขัดแย้ง กลุ่มประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทูตานุทูต และภาคธุรกิจต่างประเทศมาโดยตลอด ทุกฝ่ายเห็นร่วมกันว่า จำเป็นต้องมีการปฏิรูปอย่างเร่งด่วนเพื่อความผาสุกอย่างยั่งยืนของประเทศเป็นสำคัญ
จะเห็นได้ว่าหลายฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่าสมควรมีการปฏิรูป เมื่อเป็นเช่นนี้การนำเสนอแนวทางของการปฏิรูปนั้น ก็ควรออกมาในแบบที่เป็นรูปธรรม และระบุให้ชัดเจนลงไปว่าต้องการจะเห็นการปฏิรูปในด้านใดบ้าง เพื่อจะได้สามารถนำมาจัดวางเป็นแนวทาง สำหรับการนำไปลงมือปฏิบัติได้จริงต่อไป เพราะการแก้ปัญหาหรือการมีทางออกร่วมกัน อย่างชัดเจน เป็นรูปธรรม น่าจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ให้บรรเทาเบาบางลง และนำไปสู่ทางออกที่ดีสำหรับประเทศ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม และเพื่อการพัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืนต่อไปได้







