ฝันไกลแต่ไปไม่ถึง

ถ้าจะทำงานกันให้มีคุณภาพคงไม่พ้นที่จะต้องมีการวางแผนกันอย่างรอบคอบก่อนจะลงมือทำงานใดงานหนึ่ง
แม้แต่การทำงานของตัวเราเองก็ต้องมีการกำหนดทิศทาง และขอบเขตว่าเราอยากเห็นอนาคตการงานของเราเป็นอย่างไร ไม่เช่นนั้นชีวิตการงานของเราก็จะล่องลอยไปตามแรงผลักดันจากสรรพสิ่งรอบตัวเรา อยากเป็นผู้บริหารแต่ไม่ได้กำหนดไว้ว่าเส้นทางเป็นอย่างไร สุดท้ายอาจกลายเป็นพนักงานตลอดชีวิตการงาน การกำหนดทิศทางและขอบเขตในอนาคตไว้ล่วงหน้าทำให้เรารู้ตัวว่าจะเริ่มต้นที่ไหน เริ่มอย่างไร และรู้ตัวตลอดเวลาว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนบนเส้นทางสู่อนาคตที่เราอยากเห็น
น่าแปลกใจอย่างยิ่งที่ผู้บริหารในบ้านเราล้วนแต่โดดเด่นในการวางแผน ในการกำหนดยุทธศาสตร์เก่งถึงระดับที่เพื่อนบ้านนำแผน นำยุทธศาสตร์ของเราไปใช้ปฏิบัติกันจนได้เห็นผลดีกันไปแล้วมากมายหลายอย่าง แต่บ้านเราที่วางแผนกันเก่งๆ กลับไม่ค่อยมีการปฏิบัติให้เห็นผลดีๆ จากการดำเนินการตามแผนนั้น คนวางแผนเก่ง กลับลงมือทำไม่เก่ง จนกลายเป็นคำล้อเลียนที่ได้ยินกันจนคุ้นหูว่า แปลนแล้วนิ่ง ซึ่งมีงานวิจัยสองเรื่องที่พบความจริงสำคัญสองประการที่ใช้อธิบายอาการแปลนแล้วนิ่งนี้ได้ งานหนึ่งบอกว่าแผนไม่เป็นผล ทั้งๆ ที่เป็นแผนที่ดี เพราะผู้บริหารคิดว่าหน้าที่ของตนจบลงแค่การวางแผน ส่วนการนำแผนไปปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องของพนักงาน การขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติจึงเป็นไปอย่างตามมีตามเกิด ใครใคร่ทำก็ทำ ใครไม่ใส่ใจทำ ก็ไม่มีใครมากำกับให้ทำ คนวางยุทธศาสตร์ วางเสร็จก็นั่งชื่นชมแผนนั้น รอจนกว่าจะมีใครมาหยิบไปทำ การนำแผนไปสู่การปฏิบัตินั้นต้องใช้การสนับสนุนจากผู้บริหาร มากกว่าขั้นตอนการวางแผนมาก และต้องใช้เวลามากกว่า ดังนั้น ผู้บริหารระดับสูงหลายท่านจึงไม่ยอมเสียเวลามาใส่ใจขั้นตอนการดำเนินนำแผนไปสู่การปฏิบัติ แผนจึงไม่เป็นผล
แปลนแล้วนิ่งมาจากเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือผู้บริหารวาดฝันวางแผนไว้แล้วก็ไม่หาทรัพยากร ไม่หาคนมาทำงานตามแผน ถ้าเงินไม่พอ คนไม่พอ หรือคนพอแต่ขีดความสามารถไม่พอจะวางแผนไว้ดีอย่างไร ก็ไปไม่ถึงอยู่ดี หลายท่านที่ทำงานภายใต้ผู้บริหารที่ชอบวาดฝันคงมีประสบการณ์ที่ว่าท่านชี้ทางอย่างเดียว แต่ให้คนทำงานไปออกแรงหาทรัพยากร หาคนมาทำเอง ผู้บริหารช่างวาดฝันแต่ไร้การสนับสนุนอื่นใด มักได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ แต่มีน้อยคนที่จะติดตามดูว่าวิสัยทัศน์ของท่านกลายเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น หากต้องทำงานกับผู้นำที่มีวิสัยทัศน์แต่ไร้การสนับสนุนอื่นใด คงต้องกล้าที่จะถามท่านผู้บริหารว่าวิสัยทัศน์ที่ท่านชี้นำนั้นต้องใช้ทรัพยากรจากที่ใด
ฝันไกลแต่ไปไม่ถึงอีกสาเหตุหนึ่งคือ ไม่มีแรงจูงใจให้เดินหน้าทำงานให้เป็นไปตามที่วางแผนกันไว้ ผู้บริหารกำหนดยุทธ์ศาสตร์ หาทรัพยากรให้ หาคนให้ แต่ไม่ให้รางวัลใดๆ กับการทำงานให้บรรลุตามแผนนั้น งานประจำไปไกลกว่างานยุทธศาสตร์ก็เพราะงานประจำงานอย่างน้อยก็มีรางวัลคือความก้าวหน้าในอาชีพการงาน แต่งานยุทธศาสตร์มักต้องทำบางอย่างที่แตกต่างไปจากงานประจำ ซึ่งงานนอกเหนืองานประจำเหล่านั้นมักไม่ปรากฏว่าช่วยสร้างอนาคตการงานได้อย่างไรบ้าง ผู้บริหารที่หวังจะเห็นฝันไกลที่สามารถไปถึง ต้องสามารถสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสมที่จะทำให้คนยอมเดินตามที่ผู้บริหารฝันไว้ อย่าทุ่มเทรางวัลลงไปที่งานประจำทั้งหมด ต้องแบ่งไว้ให้งานยุทธศาสตร์บ้าง วางแผนดีได้แล้วต้องมีแรงจูงใจให้ทำตามแผนด้วย
การเดินหน้าทำงานตามแผนมักต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างเกิดขึ้น ถ้าคนทำงานกันแบบอยู่สบายดีอยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงที่ควรจะเกิดขึ้นตามที่ได้วางแผนไว้ก็จะไม่เกิดขึ้น คนที่สบายดีแล้ว ไม่ชอบที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องเล็กเรื่องน้อย ฉันยอมทำให้ แต่ถ้าเปลี่ยนอะไรที่ฉันสบายอยู่แล้ว ฉันไม่เล่นด้วยเด็ดขาด ฝันไกลจึงไม่ค่อยจะไปถึงในที่ที่ ทุกคนรู้สึกว่าที่ทำกันอยู่ในวันนี้ ดีอยู่แล้ว งานประจำจะสำคัญกว่างานยุทธศาสตร์สำหรับคนที่ทำงานแบบฉันอยู่สบายดีแล้ว และยากมากที่จะหาแรงจูงใจใดมาทำให้ยอมละความสบายแล้วทำอะไรที่ลำบากกันบ้างเพื่อให้ฝันไกลนั้นกลับกลายเป็นจริงขึ้นมาได้บ้าง
แผนดีๆ หลายอย่างไปไม่ถึงความสำเร็จ เพราะผู้บริหารไม่ได้สื่อสารให้ผู้คนได้ทราบ
ความสำคัญของแผนงานนั้น บอกแค่ว่าให้ทุกคนทุ่มเททำงานตามแผนนั้นไปก่อน เดินหน้าทำงานโดยไม่รู้ว่าทำไปทำไมนั้นเหนื่อยง่ายกว่างานที่รู้ว่าทำแล้วให้ผลดีอันใดบ้าง และมีหลายเรื่องหลายอย่างที่บอกกล่าวสื่อสารกันเพียงครั้งเดียว หรือสองสามครั้งก็ยังไม่รู้ถึงความสำคัญของเรื่องนั้น ต้องสื่อสารกันเป็นประจำ สื่อกันบ่อยๆ จึงจะเกิดความเข้าใจว่าทำไมต้องทำงานนั้น ซึ่งคงได้เห็นกันเมื่อเร็วๆ นี้ว่าผู้นำคนสำคัญคนหนึ่งของโลกใช้ความพยายามมากแค่ไหน ในการที่จะสื่อให้ผู้คนได้ทราบความสำคัญของแผนการหนึ่งที่ท่านผู้นำต้องการเดินหน้าเรื่องนั้น หลายคนเห็นว่าทำงานอยู่ด้วยกัน คุ้นเคยกันอยู่แล้ว จึงมักใช้ตัวเองเป็นตัวเทียบว่า เรื่องไหนฉันรู้แล้ว คนอื่นก็น่าจะรู้เรื่องนั้นด้วย สาระสำคัญบางอย่างจึงส่งไปไม่ถึงคนทำงาน ฝันไกลหลายอย่างจึงไปไม่ถึง เพราะท่านผู้บริหารลืมบอกกล่าวความสำคัญของการเดินหน้าตามแผนนั้น
ฝันไกลแล้วไปถึงได้ หากมีการสื่อสารที่ดี มีแรงจูงใจให้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง มีทรัพยากรและผู้คนทำงานเพียงพอ และผู้นำต้องนำการสร้างฝันไกลให้กลายเป็นจริง ไม่ใช่เป็นแค่ผู้บริหารช่างฝันเท่านั้น







