มองข่าว"พระ"ฉาวเพื่อเรียนรู้พระธรรม

มองข่าว"พระ"ฉาวเพื่อเรียนรู้พระธรรม

เป็นเรื่อง"ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์" และวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา

ไม่ว่าจะเป็น พระเณรคำรถหรู หรือกระทั่งพระอาจารย์มิตซูโอะ ลาสิกขาไปแต่งงาน ซึ่งกระแสดังกล่าวถูกนำเสนอบนหน้าสื่ออย่างต่อเนื่องติดต่อกันมานานนับเดือน แต่ดูเหมือนจะไม่แตะไปไกลถึงแก่นพระธรรมที่แท้จริง

ผู้เขียนได้มีโอกาสอ่านงานสัมภาษณ์ของ พระมหาพิศุทธิ์ วิสุทฺโธ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ซึ่งกำลังศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาชีวิตและความตาย ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่เผยแพร่โดย เพ็ญนภา หงษ์ทอง แห่ง Media Inside Out และผู้เขียนเห็นว่ามีมุมมองที่น่าสนใจ จึงได้หยิบยกบางประเด็นนำเสนอ เพื่อร่วมขบคิดด้วยกัน

พระท่านมองว่าการนำเสนอข่าวที่เกี่ยวกับพระฉาวในปัจจุบันของสื่อยังใช้ความรู้สึกในการมองพระ ดูเหมือนว่าของใช้ ของบริโภคที่ดูหรูหรา ราคาแพง สินค้าแบรนด์เนม ถูกมองว่าผิดไปเสียหมด โดยที่ไม่ได้ตั้งคำถามหรือไม่ได้ศึกษาว่าที่คิดว่าผิดนั้น ผิดจริงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้หรือไม่ หรือผิดเพียงเพราะไม่ถูกใจเรา ไม่ตรงกับที่ใจเราคิดว่าพระจะต้องมีวิถีแบบนี้ๆ

พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงห้ามเรื่องการบริโภคใช้สอยในวัตถุอันประณีตหรือกำหนดราคาสิ่งของที่สามารถรับจากโยมได้ แต่พระองค์ทรงมีคำสอนให้ภิกษุพิจารณาว่าเราใช้สอยสิ่งต่างๆ เพื่ออะไร จีวร เครื่องนุ่มห่ม หรือ เสื้อผ้า มีไว้เพื่ออะไร อาหาร ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัยมีไว้เพื่ออะไร เมื่อมีญาติโยมมาถวายของดีๆ ของมีราคาพระรับได้ไหม รับได้ แต่พระต้องวางท่าทีต่อสิ่งของเหล่านั้นให้ถูกต้อง ให้รู้ว่าของที่ญาติโยมถวายมามีไว้เพื่อประการใด โดยไม่เป็นการรบกวนต่อศรัทธาและฐานะของผู้มาถวาย และต้องไม่ยึดติดในสิ่งของที่ญาติโยมนำมาถวาย

พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงสรรเสริญว่าดีที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นการรักษาพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ได้ ทรงสรรเสริญในปฏิบัติบูชา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดำรงพระพุทธศาสนา แล้วควรทำอย่างไรเมื่อโยมถวาย สิ่งสำคัญสำหรับพระคือต้องพิจารณาให้เห็นว่าสิ่งของที่ได้รับถวายมามีหน้าที่ทำอะไร แล้วอย่าไปยึดติด อย่าเรียกร้องเพื่อให้ได้มาซึ่งของใช้สอยบริโภค

นอกจากพระพุทธองค์จะทรงวางข้อพึงปฏิบัติให้ภิกษุพิจารณาเกี่ยวกับการบริโภคใช้สอยแล้ว ยังมีข้อกำหนดด้วยว่าพระธรรมวินัยนี้เป็นของผู้มักน้อย การมีของใช้สอยบริโภคต้องไม่ให้เกินฐานะของความเป็นพระ หากเป็นของที่ไม่ต้องใช้ ไม่มีความจำเป็น ไม่เป็นประโยชน์ อาจจะพิจารณาตามความเหมาะสม หรือไม่รับไว้ก็น่าจะได้

นอกจากสื่อมีความรู้ความเข้าใจในวิถีของสงฆ์ยังไม่ชัดเจนและเป็นอารมณ์ความรู้สึก พระท่าบอกว่า กรณีพระอาจารย์มิตซูโอะ วันแรกหนังสือพิมพ์พาดหัวเลย “ช็อก พระอาจารย์มิตซูโอะสึก” ช็อกอะไร ช็อกทำไม แม้จะไม่ระบุชัดแต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง หรือเสียความรู้สึกที่พระที่บวชมาถึง 38พรรษา สึกมาเพื่อแต่งงาน มันมีน้ำเสียงของอคติในเชิงต่อว่าแฝงอยู่

ทั้งที่ท่านไม่ได้ปฏิบัติผิดพระธรรมวินัยแต่อย่างใด ท่านบวชได้ ท่านก็สึกได้ ไม่มีพระธรรมวินัยระบุไว้ว่าห้ามพระสงฆ์ที่บวชนานสึก ท่านมิตซูโอะไม่ใช่พระสงฆ์รูปแรกที่บวชนานแล้วสึก ก่อนหน้านี้ก็มีพระที่บวชนานๆ จนมีตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์แล้วลาสิกขาหลายต่อหลายท่าน หลายท่านสึกไป ก็ยังสามารถดำรงตนในเพศฆราวาสได้อย่างมีคุณค่า และมีประโยชน์ต่อประเทศ เช่น อาจารย์จำนงค์ ทองประเสริญ อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ

ส่วนการที่สื่อจะปกป้องพระพุทธศาสนาเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัททั้ง4 พระท่านบอกว่า ดีใจที่สื่อทำหน้าที่ตรวจสอบสังคมสงฆ์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะกรณีเณรคำแต่อยากให้การเสนอข่าวบนฐานความรู้ หากจะนำเสนอหรือตรวจสอบสังคมพระ สื่อได้ศึกษาพระธรรมวินัย อันเป็นข้อปฏิบัติของสงฆ์ จนมีความรู้มากพอเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา มากกว่าการขายข่าว