อุจจาระปีศาจ โรคดัทช์และคำสาปของทรัพยากร

การตายของฮูโก ชาเวซ เมื่อต้นเดือนนำเรื่องราวของเวเนซุเอลามาขึ้นหน้าแรกของสื่อ พร้อมกันนั้นก็เกิดการถกเถียงกันในหลายแง่มุม
ในฐานะที่ได้ศึกษาเรื่องราวของเวเนซุเอลามาบ้าง ขอนำบางมุมมองมาเล่า ผมศึกษาเวเนซุเอลาร่วมกับการศึกษาประเทศส่งออกน้ำมันขนาดยักษ์ที่รู้จักกันในนามของ OPEC องค์กรนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี 2503 เวเนซุเอลาเป็นหัวจักรใหญ่ในการก่อตั้งเนื่องจากเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันถึงขนาดเคยส่งออกมากที่สุดในโลกและมีรัฐมนตรีที่เข้มแข็งและมองการณ์ไกลชื่อ ฮวน พาโบล เปเรซ อินฟองโซ
OPEC ประสบความสำเร็จสูงในด้านการรวมกันขึ้นราคาน้ำมันหลังเกิดสงครามในตะวันออกกลางระหว่างประเทศอาหรับกับอิสราเอลเมื่อปี 2516 การขึ้นราคาหลายเท่าแบบก้าวกระโดดครั้งนั้นและครั้งต่อๆ มาส่งผลให้ผู้ส่งออกมีรายได้มหาศาล แต่หลังจากเวลาผ่านไป หลายประเทศในกลุ่มนั้นยังคงยากจนมาก เนื่องจากผมเคยทำงานเกี่ยวกับย่านตะวันออกกลางอยู่ชั่วระยะหนึ่งจึงพยายามศึกษาว่าเพราะอะไร ผลการศึกษาพิมพ์เป็นหนังสือออกมาเมื่อปี 2545 ชื่อ “เล่าเรื่องเมืองน้ำมัน” ซึ่งผู้ต้องการอ่านอาจเข้าไปดึงออกมาได้จากเว็บไซต์ www.openbase.in.th
แม้องค์กรนั้นจะประสบความสำเร็จมากมายอย่างน้อยในชั่วระยะหนึ่ง แต่รัฐมนตรีเปเรซ อินฟองโซได้มองเห็นแง่ร้ายของการมีน้ำมันและเตือนไว้ในคำอมตะที่เรียกน้ำมันว่าเป็น “อุจจาระปีศาจ” (Devil’s Excrement) การศึกษาเกี่ยวกับปัญหาของประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติเช่นน้ำมันปิโตรเลียมก่อให้เกิดคำใหม่ๆ เช่น “โรคดัทช์” (Dutch Disease) ซึ่งนิตยสารเดอะอีโคโนมิสต์ใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2520 และ "คำสาปของทรัพยากร" (Resource Curse) ซึ่งศาสตราจารย์ริชาร์ด ออติ ใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2536
จามมุมมองของวิชาเศรษฐศาสตร์ การมีทรัพยากรเช่นน้ำมันมากมายจนทำรายได้จำนวนมหาศาลจากการส่งออกมีผลทำให้เงินตราของผู้ส่งออกมีค่าเพิ่มขึ้น การเพิ่มค่าของเงินตรานั้นทำให้ราคาสินค้าและบริการของประเทศนั้นแพงขึ้นเป็นเงาตามตัวส่งผลให้ขายได้น้อยลง เมื่อขายได้น้อย การผลิตย่อมถดถอยและการจ้างงานย่อมลดลงด้วย กระบวนการนี้เกิดขึ้นกับประเทศเนเธอร์แลนด์หลังค้นพบก๊าซธรรมชาติปริมาณมาก จึงเป็นที่มาของคำว่า “ดัทช์” หลังจากศึกษาปรากฏการณ์ในแนวเดียวกันอย่างกว้างขวาง ศาสตราจารย์ออติเรียกมันว่าเป็นคำสาปของทรัพยากร
หากมองให้กว้างออกไป รายได้มหาศาลจากการส่งออกทรัพยากรไม่เฉพาะจะทำให้ค่าเงินเพิ่มขึ้นเท่านั้น หากยังมักทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านอื่นอีกด้วย อาทิเช่น ความคาดหวังของประชาชนและพฤติกรรมของนักการเมือง ประชาชนมักหวังว่าตนจะได้รับผลจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นทันทีจนในหลายๆ กรณีเป็นการคาดหวังแบบไร้เหตุผล นักการเมืองก็มักฉ้อฉลเพิ่มขึ้น หรือให้คำมั่นสัญญาสารพัดกับประชาชนจนนำไปสู่การใช้จ่ายแบบสุรุ่ยสุร่ายยังผลให้รายได้หมดไปโดยได้ผลไม่คุ้มค่า หรือบางคนสำคัญผิดคิดว่าตนเป็นมหาอำนาจ มูอัมมาร์ กัดดาฟี เป็นตัวอย่างที่ดีในด้านการจะตั้งลิเบียเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ในย่านแอฟริกาเหนือ
ผมศึกษาประเทศผู้ส่งออกน้ำมันมากว่าสิบปีแล้ว ในตอนนั้นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันส่วนใหญ่ยากจนลงเมื่อเวลาผ่านไป 25 ปีหลังจากวันที่น้ำมันขึ้นราคาแบบก้าวกระโดดครั้งแรกในช่วงปี 2516-2517 ณ วันนี้ อาจจะยังมีบางประเทศยากจนกว่าในตอนนั้นเสียอีกโดยเฉพาะไนจีเรีย อิรัค และเวเนซุเอลา ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งของประชาชนยากจนมาก
นอกจากต้นเหตุทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ผมเคยศึกษาปัญหาของการพัฒนาที่อาจมาจากความฉ้อฉลซึ่งพบว่า โดยทั่วไปประเทศที่พัฒนาก้าวหน้าไปไกลมีความฉ้อฉลต่ำกว่าประเทศที่พัฒนาแบบล้มลุกคลุกคลาน รายละเอียดมีอยู่ในบท “ต้นแค/เสาเข็ม” ของหนังสือชื่อ “ไอเอ็มเอฟ ไอเอ็มเอฟ ไอเอ็มเอฟ” ซึ่งพิมพ์เมื่อปี 2543 และผู้สนใจอาจเข้าไปดึงออกมาได้จากเว็บไซต์ www.openbase.in.th เช่นกัน บทนั้นสรุปว่าต้นตอของปัญหามาจากคำว่า “ไอเอ็มเอฟ” แต่มิใช่ไอเอ็มเอฟที่ย่อมาจาก International Monetary Fund หรือ “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ” หากเป็นไอเอ็มเอฟที่ย่อมาจาก Insufficient Moral Foundation หรือ “ฐานทางด้านจริยธรรมไม่แข็งแกร่งพอ”
หากวัดฐานทางด้านจริยธรรมด้วยดัชนีชี้วัดความฉ้อฉลขององค์กรความโปร่งใสสากลอาจจะเห็นว่าเวเนซุเอลามีปัญหาความยากจนเพิ่มขึ้นเพราะอะไร ในช่วงที่ผมศึกษาเรื่องจริยธรรม เวเนซุเอลาได้คะแนน 2.6 จาก 10 ซึ่งนับว่ามีความฉ้อฉลสูงมาก แต่ก็ยังไม่ใกล้กลุ่มที่มีความฉ้อฉลสูงสุดนัก ดัชนีเมื่อปีที่แล้วบ่งว่า เวเนซุเอลาได้คะแนนเพียง 1.9 เท่านั้น และเกือบจะอยู่ในกลุ่มที่มีความฉ้อฉลสูงสุด
ฮูโก ชาเวซ ได้รับความอาลัยสูงมากจากประชาชนเพราะเขาใช้รายได้จากการขายน้ำมันช่วยคนจนมากขึ้นจากนโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายรวมทั้งการขายน้ำมันให้ประชาชนด้วยราคาแบบแทบให้เปล่า แต่เขามิได้ทำอะไรให้เป็นรูปธรรมในด้านการปราบความฉ้อฉลแม้จะอยู่ในตำแหน่งถึง 15 ปีและมีอำนาจสูงถึงกึ่งเผด็จการ ฉะนั้น จึงพอสรุปได้ว่าเวเนซุเอลาจะตกอยู่ในกองอุจจาระของปีศาจ เป็นโรคดัทช์ หรือถูกน้ำมันสาปต่อไปไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้นำจนกว่าจะยกฐานทางด้านจริยธรรมให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าในระดับปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ งานนั้นคงเป็นเสมือนการเข็นครกขึ้นภูเขา







