โรงพักร้างเพราะความไม่พอดี

โรงพักร้างเพราะความไม่พอดี

ประเทศไทยของเรามีเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติของการบริหารงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมากขึ้นเรื่อยๆ

อันชวนให้เชื่อได้ว่ามีการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างคนในภาครัฐและคนในภาคเอกชนกระทำการที่เรียกได้ว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านโครงการต่างๆ ที่มีการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาลในทุกรัฐบาลโดยเฉพาะการประมูลงานก่อสร้างสิ่งต่างๆ ทั้งสิ่งปลูกสร้าง ถนนหนทาง สาธารณูปโภค ที่มีข้อสงสัยและข้อครหาว่ามีการฮั้วประมูลบ้าง มีการหักเปอร์เซ็นต์บ้าง อันเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับการฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือคอร์รัปชันทั้งสิ้น

โครงการที่มีปัญหาเรื่องการคอร์รัปชันที่ปรากฏหลักฐานประจานประเทศและคนไทยอยู่ปัจจุบันนี้ มีหลายโครงการที่ใช้เงินนับหมื่นล้านแสนล้าน เช่น โครงการบ่อบำบัดน้ำเสียที่คลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ ที่ยังค้างคาอยู่จนทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่ใช้เงินไปแล้วนับพันนับหมื่นล้านบาท อีกอันหนึ่งก็คือโครงการรถไฟฟ้ายกระดับโฮปเวลล์ ที่มีแต่เสาและคานคอนกรีตขนาดยักษ์เป็นแถวคร่อมทางรถไฟตั้งแต่บางซื่อไปจนถึงดอนเมือง ซึ่งใช้เงินไปนับพันนับหมื่นล้านแล้วเช่นกัน กลายเป็นเหมือนอนุสาวรีย์แห่งความล้มเหลวไปในที่สุด ซึ่งทั้งสองโครงการที่ยกตัวอย่างมานี้ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาล

ล่าสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมาจนข้ามมาถึงปีนี้ก็ปรากฏข่าวอนุสาวรีย์แห่งความล้มเหลวขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นการก่อสร้างสถานีตำรวจทั่วประเทศจำนวน 396 แห่ง โดยครั้งแรกมีคำสั่งให้แต่ละกองบัญชาการภาคทั้ง 9 ภาคแยกประมูลทำสัญญาก่อสร้างเอง แต่ต่อมามีการยกเลิกคำสั่งเก่าแล้วออกคำสั่งใหม่ให้รวบเข้าเป็นสัญญาเดียวทั่วประเทศโดยมีบริษัทก่อสร้างแห่งเดียวได้รับการประมูลไป เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2553 โดยมีงบประมาณ 5,848 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2554 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 17 มิถุนายน 2555 ต่อมามีการขอขยายเวลาจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2556 ทั้งนี้มีการจ่ายเงินล่วงหน้าให้ผู้รับเหมาไปแล้วร้อยละ 15 ซึ่งเป็นเงินจำนวนเท่าใดท่านผู้อ่านก็บวกลบคูณหารดูก็แล้วกัน แต่การก่อสร้างยังไม่คืบหน้า บางแห่งมีการเทคอนกรีตเพียงแค่ฐานอาคาร บางแห่งมีเพียงเสา บางแห่งก่อสร้างอาคารแล้วแต่ยังไม่เสร็จ สรุปว่าสถานีตำรวจทั้ง 369 แห่งนั้นยังไม่เสร็จเพราะบริษัทรับเหมาไม่ทำงาน ถูกปล่อยร้างให้หญ้าขึ้นปกคลุม กลายเป็นอนุสาวรีย์แห่งความล้มเหลวทั้ง 396 แห่ง แม้ว่าจะยังไม่หมดสัญญาแต่ก็เชื่อแน่ว่าถึงจะเร่งก่อสร้างอย่างไรก็ไม่ทันวันที่ 14 มีนาคม 2556 ซึ่งเป็นวันครบสัญญาอย่างแน่นอน

เรื่องนี้จะมีความไม่ชอบมาพากลเพียงใด มีความผิดปกติแค่ไหน มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือไม่ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบจะสืบสวนสอบสวนหาความจริง ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอก็ดี สำนักงาน ปปช. ก็ดี หรือ สำนักงาน ปปท. ก็ดี คงจะมีส่วนในการทำเรื่องนี้ให้กระจ่างในวันข้างหน้า

แต่หากวิเคราะห์ตามหลักธรรมแล้วก็จะเห็นความไม่พอดีของเรื่องนี้ สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้หลักธรรมเรื่องความพอดีหรือทางสายกลาง ไม่ตึงไม่หย่อน ไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งจนเสียสมดุล ซึ่งในกรณีนี้ ได้ละเมิดหลักธรรมดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง นั่นคือ

การมีคำสั่งให้กองบัญชาการตำรวจในแต่ละภาคดำเนินการประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างสถานีตำรวจในสังกัดของตน ซึ่งเป็นการกระจายงานให้แต่ละแห่งรับผิดชอบหาผู้มารับเหมาก่อสร้างก็จะทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วตามกำหนดได้ แต่การมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งดังกล่าวแล้วให้รวบงานมาไว้ในที่เดียวโดยให้บริษัทเดียวรับผิดชอบการก่อสร้างทั้ง 396 แห่งนั้น มองอย่างไรก็ไม่เห็นทางที่จะสำเร็จได้ง่ายๆ เพราะสถานีตำรวจทั้งหมดกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ ในทุกภูมิประเทศ ทั้งที่ราบ ทั้งหุบเขา ทั้งบนเขา ทั้งในป่า ทั้งในเมือง การที่จะบริหารจัดการการก่อสร้างให้เป็นไปตามกำหนดโดยบริษัทเดียว นั้นยากที่จะทำได้โดยสะดวก ผู้ที่มีอำนาจในการสั่งการเช่นนี้ย่อมไม่ยึดถือความพอดี เมื่อขาดความพอดีเสียแล้วก็ย่อมจะล้มเหลวเสียหายได้ ดังที่ปรากฏให้เห็น

การที่บริษัทดังกล่าวรับเหมาก่อสร้างเพียงคนเดียวก็เป็นการกระทำที่ไม่มีความพอดี ไม่ดูกำลังของตน อาจเห็นแก่กำไรที่จะได้ จึงรับเหมามาทั้งหมด ไม่คิดถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากตนไม่สามารถทำตามสัญญาได้ ซึ่งปรากฏว่าทำตามสัญญาไม่ได้และเกิดความเสียหายขึ้นจริง

ที่สำคัญ ความเสียหายนี้ไม่ใช่ความเสียหายของเอกชนหรือปัจเจกบุคคล แต่เป็นความเสียหายของส่วนรวม ของประเทศชาติ ของประชาชนทุกคน เพราะเงินที่นำมาก่อสร้างนี้ก็คือเงินจากภาษีอากรของคนไทยทุกคน การก่อสร้างก็เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์คือประโยชน์ของประชาชนไทยผู้เสียภาษีนั่นเอง ดังนั้น ผู้มีส่วนทำให้เกิดความเสียหายนี้ขึ้นจะโดยจงใจหรือชะล่าใจก็ตาม ย่อมหนีไม่พ้นความรับผิดชอบไปได้ แต่จะรับผิดชอบอย่างไร เพียงใดนั้น ก็สุดแท้แต่กระบวนการพิสูจน์ความจริงทางกฎหมายจะกำหนดและตัดสิน

บทเรียนจากกรณีนี้หรือกรณีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านและโครงการรถไฟฟ้ายกระดับโฮปเวลล์ก็คือ ไม่ว่าใครก็ตามจะทำอะไรก็โปรดได้นึกถึงความพอดี นึกถึงทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้บ้าง โดยเฉพาะผู้มีอำนาจทางการเมืองที่การตัดสินใจทำอะไรย่อมเกิดผลกระทบต่อชีวิตคนเป็นจำนวนมาก ควรจะยึดไว้เป็นหลักในการทำงาน

หากไม่มีความพอดี ไม่มีทางสายกลาง ในไม่ช้าก็จะพากันตายหมดเป็นแน่แท้ เหมือนโรงพักร้างกลางดงหญ้านั่นเอง