อินเดียจ่อหั่นนำเข้าทองลดขาดดุล

อินเดียจ่อหั่นนำเข้าทองลดขาดดุล

รมว.คลังอินเดีย "พี. จีดัมบาราม" เสนอแนวคิดลดการนำเข้าทอง เพื่อเป็นแนวทางลดยอดขายดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงเป็นประวัติการณ์ของอินเดีย

เมื่อต้นสัปดาห์ ทางการอินเดีย เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศในเดือนก.ค.- ก.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เนื่องจากการส่งออกที่ลดลง และยอดขาดดุลดังกล่าว ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2492 เป็นต้นมา เป็นต้นเหตุให้รูปีอ่อนค่าลง ส่งผลการนำเข้ามีมูลค่าสูงขึ้น

นายจีดัมบาราม กล่าวว่า เขากำลังพิจารณาการจำกัดการนำเข้าทอง ซึ่งชาวอินเดียใช้เป็นเครื่องมือในการลงทุน แต่ก็มักจะทำให้ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศลดลง

ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค การนำเข้าทองที่มีมูลค่า 2.025 หมื่นล้านดอลลาร์ มีส่วนอย่างมากที่ทำให้ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3.87 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 4.6% ของจีดีพี ขณะที่กระทรวงการคลัง คาดว่า การนำเข้าทองจะแตะระดับ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณปัจจุบันที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.นี้ หรือลดลง 31% จาก 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีก่อน

การนำเข้าทองของอินเดียพุ่งขึ้น 9% สู่ระดับ 223.1 ตันในเดือน ก.ค.-ก.ย. หลังจากที่ดิ่งลง 56% สู่ระดับ 131 ตันในเดือนเม.ย.-มิ.ย.

นักวิเคราะห์ คาดว่า การนำเข้าของอินเดียจะฟื้นตัวในเดือนต.ค.-ธ.ค.เนื่องจาก อยู่ในช่วงเทศกาล ขณะที่ประชาชนนิยมซื้อในฤดูกาลแต่งงาน

เจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังรายหนึ่ง กล่าวว่า รัฐบาลอาจเพิ่มอัตราภาษีอากรนำเข้าทองขึ้นอีก 1-2%

ในปี 2534 ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของอินเดียพุ่งแตะระดับ 3% ของจีดีพี และอินเดียก็ประสบกับภาวะขาดแคลนเงินตราต่างประเทศภายในไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งส่งผลให้อินเดียจำเป็นต้องขนสต็อกทองบางส่วนไปยังยุโรปเพื่อขอเงินกู้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สร้างความอับอาย และทำให้รัฐบาลในขณะนั้น ล่มสลายลง และนำไปสู่การปฏิรูปตลาดเสรี

ในครั้งนี้ เศรษฐกิจอินเดียมีขนาดใหญ่ขึ้นและเปิดเสรีมากขึ้น โดยนายจิดัมบาราม กล่าวว่า ปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศน่าจะสามารถช่วยลดยอดขาดดุลได้โดยไม่ต้องมีการดึงทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่มีอยู่ 2.965 แสนล้านดอลลาร์ออกมาใช้ ซึ่งเป็นจำนวนที่เพียงพอสำหรับการนำเข้าประมาณ 7 เดือน

อย่างไรก็ดี ความวิตกเกี่ยวกับดุลต่างประเทศ, การกู้ยืม และยอดขาดดุลงบประมาณของอินเดียก็ทำให้สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ และฟิทช์ เรทติงส์ ขู่ว่า จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของอินเดียลงสู่สถานะ"ขยะ"

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว รัฐบาลได้เพิ่มเพดานจำนวนหุ้นกู้ภาคเอกชน และพันธบัตรรัฐบาลที่นักลงทุนต่างประเทศสามารถซื้อได้ แต่ยอดขาดดุลที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นผลมาจากน้ำมันที่มีราคาแพง, การนำเข้าทองจำนวนมาก และยอดส่งออกที่ดิ่งลง