ปีแห่งการ คัดเลือกผู้อยู่รอด !?

Part.1.เพราะ...

ในอดีต เรายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แบบไร้กติกา อย่างที่ประธนาธิบดี ทรัมป์ กำหนดภาษีให้แต่ละประเทศที่แตกต่างกัน จนทำให้ธุรกิจที่ส่งออกไปที่อเมริกาและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง กระอักเลือด

ในอดีต เรายังไม่เจอการโหมกระหน่ำของธุรกิจจากจีน ที่ถูกแสนถูก และในหลายจังหวัด ชุมชนจีนใหม่ที่ดุดันทางธุรกิจก็มายึดพื้นที่ไปเรียบร้อย

ในอดีต A.I.ยังไม่เข้ามาส่งผลกระทบ แต่ตอนนี้ คนที่ไม่ใช้ A.I. หรือ Chat Gpt. หรือตัวอื่นๆก็จะถูกคนที่ใช้ กระแทกตกเวทีไป

และที่ผ่านาจนถึงในปัจจุบัน สภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา กำลังซื้อที่หดหาย ทำให้หลายบริษัทต้องทยอยปิดตัวไป เพราะเจอหลายปัจจัยดังกล่าวมาผสมผสานเป็นพายุเศรษฐกิจที่เกินจะรับมือ

Part.2.แล้วทำไมหลายธุรกิจถึงรอดได้ แต่ส่วนมากร่อแร่?

ธุรกิจที่ไม่รอด เพราะ มัวแต่ตกใจ เสียขวัญ ถึงรู้ว่าต้องพยายาม เปลี่ยนแปลง แต่ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และเปลี่ยนแปลงอย่างไร ?

ก็เลยได้แต่ฝืน ทั้งที่ สินค้าและบริการของธุรกิจตนเองเริ่มตกยุคไปแล้ว หรือหลายธุรกิจกู้เงินธนาคารมาทำธุรกิจ เมื่อรายได้ขาดหาย จากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ลูกค้าหดหาย จนแทบไม่พอจ่ายดอกเบี้ย

หรือธุรกิจที่อุ้ยอ้าย ไม่คล่องตัว ปรับตัวช้าไม่ทันการเปลี่ยนแปลง

ที่น่าเป็นห่วงคือ ธุรกิจขนาดกลาง มักจะไม่ค่อยรอด เพราะเดิมก็ถูกบีบจากทั้งบนและล่าง(ธุรกิจขนาดใหญ่ที่เหนือกว่า กับ ธุรกิจเล็กปรับตัวได้เร็วกว่า)

ส่วนธุรกิจที่รอดได้ จะไม่ตกใจ แต่ปรับตัวอย่างไว อันไหนตัดทิ้งได้(ทั้งธุรกิจ และสินทรัพย์ต่างๆ)เพื่อให้ตัวเบา แม้กระทั่งยอมเสียธุรกิจเดิม เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจัน

สิ่งที่น่าทึ่งคือ กลุ่มของบริษัทเจ้าสัวทุกที่ ต่างปรับตัวเร็วกว่าที่คิด รับมือกับการเปลี่ยนแปลง ใช้เทคโนโลยี่มาเสริมทางธุรกิจให้คล่องตัวมากขึ้น

Part.3.ปีนี้จะคัดเลือกผู้อยู่รอดที่.....!?

การคัดเลือกของปีนี้ค่อนข้างโหด เพื่อไปรับมือปีหน้าที่ยากแก่การคาดเดา เพราะการทำธุรกิจ ถ้า ธุรกิจยังมีค่าใช้จ่ายรายเดือนยังสูงเหมือนสิบปีที่ผ่านมา ถ้าการปรับตัวยังช้า ถ้าไม่ใช้เทคโนโลยี รอดยาก

สินค้าและบริการ จะต้องยืดหยุ่น ง่ายต่อการปรับตัว พร้อมที่จะตัดทิ้งถ้าไปไม่รอด

การจ้างคน จะจ้าง ”น้อยที่สุด” ใช้ เทคโนโลยีมาทดแทน และใช้การจ้างงานเป็น โครงการ เป็นงานๆ ไม่เน้นพนักงานประจำ เราจะไม่เห็นพนักงานเดินกันยั้วเยี้ยเต็มสำนักงานเหมือนอดีตที่ผ่านมา

 เมื่อก่อนเราบริหารคน ในปีหน้าเราจะบริหารคนพร้อมกับบริหาร A.I.

ในส่วนพนักงานที่เป็นลูกจ้าง การมีความเชี่ยวชาญเพียงทักษะเดียวต้องระวัง เพราะอาจถูกทดแทนได้ด้วยพนักงานที่เชี่ยวชาญเช่นเดียวกันแต่อายุน้อยกว่า หรือถูกทดแทนด้วย A.I. เพราะฉะนั้น พนักงานจะต้องมีความเชี่ยวชาญหลายอย่าง โดยเฉพาะทักษะ ที่ A.I.ยังแทนไม่ได้

Part.4.เตรียมพร้อมหรือยัง....!?

อันที่จริงควรเตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถ้ายัง ก็ถือว่าไม่สายเกินไปที่จะรีบเตรียมตัว

สำหรับเจ้าของกิจการ ต้องเริ่มบริหารจัดการทั้งสินค้า บริการ ที่ต้องเริ่มตัดทิ้ง ที่ต้องเริ่มสร้างใหม่ และในเรื่องจำนวนพนักงาน ให้มี “เท่าที่จำเป็น” ที่เหลือ Outsource จ้างเป็น Project

ใช้ A.I.และเทคโนโลยีทดแทนให้มากที่สุด

สำหรับพนักงาน ให้เลิกฝันถึงการทำงานประจำในที่เดิมได้อีกนานๆ ให้เตรียมพร้อม

สำหรับการเปลี่ยนแปลง การถูกลดคน เรียนรู้ทักษะใหม่ๆและA.I.เพิ่มเติม

แต่ถ้าพนักงานคนไหนไม่มีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลครอบครัวจำนวนมาก ถือว่าพนักงานคนนั้นโชคดี เพราะมีความคล่องตัว ไม่ต้องกลัวตกงาน ยังสามารถเตรียมความพร้อมในการเรียนรู้ทักษะและรับงานเป็น Project ต่างๆ

Part.5.บทสรุป.....!?

อย่างที่บอก ปีนี้การคัดเลือกค่อนข้างโหด เจ้าของกิจการ และพนักงานที่ไม่ผ่านการคัดเลือก ก็ล่มสลายไปกับการเปลี่ยนแปลง

ส่วนเจ้าของกิจการและพนักงานที่ยังอยู่รอดได้ถึงทุกวันนี้ ขอให้ท่านภูมิใจได้เลย เพราะท่านได้รับภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในปีนี้แล้ว อาจจะสะบักสะบอมบ้าง โชคเลือดบ้าง แต่ก็รอดมาได้

อย่าหยุดเรียนรู้ อย่าหยุดที่จะปรับและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ท่านคือผู้ที่อยู่รอดทั้งในปีนี้และปีหน้าครับ.