อุตสาหกรรมพลาสติก 8.4 แสนล้าน กรณีเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

อุตสาหกรรมพลาสติก 8.4 แสนล้าน กรณีเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ประเทศไทย : อุตสาหกรรมพลาสติก มูลค่า 8.4 แสนล้าน กรณีเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ประเทศไทย ในช่วงที่ผ่านมา เคยถูกจัดลำดับให้เป็นประเทศต้น ๆ ที่สร้างขยะพลาสติกต่อประชากรมากที่สุดในโลก แต่ในปี 2564 ประเทศไทยสามารถปรับลดจากอันดับที่ 6 ของโลกกลายมาเป็นอันดับที่ 10 ได้เป็นผลสำเร็จ (มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย, 2565)

น่าสนใจว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมพลาสติกมีมูลค่ากว่า 8.4 แสนล้าน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อแนวทางการขับเคลื่อนแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) สาขาเศรษฐกิจหมุนเวียน: กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก ภายใต้โครงการ “การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) สาขาเศรษฐกิจหมุนเวียน” มีโจทย์วิจัย สาขาเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพิ่มคุณค่าทางวัตถุดิบ ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้นานมากขึ้น

 

ดร.ลัษมณ อรรถาพิช ที่ปรึกษาผู้อํานวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวถึง พันธกิจในการจัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผน รวมทั้งจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณด้าน ววน. ของประเทศ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีข้อมูลต่างๆ ที่รอบด้าน ทันสมัย และเพียงพอ เพื่อนำมาใช้ชี้เป้าประเด็นสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของประเทศ ดังนั้น สกสว. จึงสนับสนุน โครงการ “การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาระบบ ววน. สาขาเศรษฐกิจหมุนเวียน” โดยมี ดร.จิตติ มังคละศิริ สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) , สุทธิเกตติ์ ทัดพิทักษ์กุล สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) , คงศักดิ์ ดอกบัว สถาบันพลาสติก , วิชชุดา เดาด์ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ , ธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์ บริษัท นิวอาไรวา จํากัด และ ธนาชัย ปิยะศรีทอง บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จํากัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (Stakeholder) เข้าร่วมประชุมและนำเสนอข้อคิดเห็น

ทั้งนี้ ดร.จิตติ มังคละศิริ เป็นหัวหน้าคณะผู้วิจัย ทำหน้าที่ประมวลความรู้ รวมถึงวิเคราะห์สถานการณ์ด้าน ววน. และประสานงานเครือข่าย เพื่อให้ได้ Framework, ทิศทางเชิงกลยุทธ์ (Strategic Direction) และโจทย์ด้าน ววน. ในสาขาเศรษฐกิจหมุนเวียนตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) รวมถึงการนำเสนอแนวทางการสนับสนุนทุนและการนําผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่นเดียวกับมิติอื่น ๆ


 

ดร.จิตติ กล่าวว่า อุตสาหกรรมพลาสติก เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของไทยที่มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เนื่องจากประเทศไทยมีห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมพลาสติกที่ครบวงจร ตั้งแต่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่เป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก และผู้ใช้เม็ดพลาสติกเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติก ซึ่งปี 2563 ประเทศไทยมีความเข้มแข็งและศักยภาพในการผลิตเม็ดพลาสติกสูงถึง 9.1 ล้านตัน และมีมูลค่าจากอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่อใช้งานภายในประเทศกว่า 8.4 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการสนับสนุน และต่อยอดอุตสาหกรรมพลาสติก อย่างมีทิศทาง สกสว. จึงกำหนดให้การพัฒนาระบบ ววน. สาขาเศรษฐกิจหมุนเวียน กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก บรรจุไว้ ในแผน ด้านววน. อย่างต่อเนื่อง รวมถึง แผนด้าน ววน. พ.ศ.2566-70 ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 1 โปรแกรมที่ 4 ว่าด้วยการพัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) ในด้านพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน วัสดุชีวภาพ และเคมีชีวภาพให้เป็นระบบเศรษฐกิจมูลค่าสูง

กำหนดค่าเป้าหมาย ที่สำคัญ อาทิ ประเทศไทยสร้างมูลค่าเพิ่มจากเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่เติบโตขึ้นจากการใช้นวัตกรรมการผลิตที่สะอาด ลดการใช้ทรัพยากรเพิ่มการหมุนเวียนวัสดุ และเพิ่มคุณค่าการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงมีจำนวนรูปแบบธุรกิจใหม่จากการเปลี่ยนของเสียให้มีมูลค่าสูง (Waste to Wealth) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยการใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมตามแนวทางระบบเศรษฐกิจ BCG รวมถึงการเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมของพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน พลังงานชีวภาพ วัสดุและเคมีชีวภาพ และรวมถึงผลิตภัณฑ์ฐานชีวภาพ

อย่างไรก็ดี ผู้เขีอนมองว่า ก่อนหน้านี้ กลุ่ม ปตท. ผนึก กลุ่ม พีเจดับเบิลยู ศึกษาพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลือง หวังก้าวสู่ผู้ผลิตไทยลุยตลาดอาเซียน เพราะเห็นว่าอุตสาหกรรมทางการแพทย์ทั่วโลก มีมูลค่ากว่า 16 ล้านล้าน และจะออกผลิตภัณฑ์ตัวแรกสิ้นปีนี้ เล็งต่อยอดจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ผลิตสินค้าในปี 2566

กล่าวคือ น่าจะสอดคล้องกันอันนำไปสู่การหมุนเวียนใช้ประโยชน์จากพลาสติกอย่างคุ้มค่ามากที่สุดและทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นอันดับท็อปเท็นจากชาติที่สร้างขยะพลาสติกต่อประชากรมากที่สุดในโลก ได้ในไม่ช้า.